วันศุกร์ที่ ๒๑ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๕๔๐

สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินทรงเปิดอาคาร ๑๐๐ ปี ศรีสุริยวงศ์ พร้อมพระราชทานเกียรติบัตร แก่ผู้มีอุปการคุณ ศิษย์เก่าดีเด่นของสถาบัน และขอกราบทูลเชิญเสด็จทอดพระเนตรกิจกรรมของสถาบัน 

สถาบันราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยาเป็นสถาบันที่ตั้งขึ้นโดยพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ตั้งแต่พุทธศักราช ๒๔๓๙ ใช้ชื่อว่าโรงเรียนราชวิทยาลัย เปิดสอนตั้งแต่วันที่ ๑๗ มีนาคม พุทธศักราช ๒๔๓๙ ณ คฤหาสน์ของสมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์ (ช่วง บุนนาค) ซึ่งพระยาสีหราชเดโชชัย หลานปู่ของสมเด็จเจ้าพระยาฯ ได้น้อมเกล้าถวายไว้ตั้งแต่ปีพุทธศักราช ๒๔๓๓ ต่อมาได้มีวิวัฒนาการจากโรงเรียนราชวิทยาลัย มาเป็นโรงเรียนมัธยมบ้านสมเด็จเจ้าพระยา  โรงเรียนฝึกหัดครูบ้านสมเด็จเจ้าพระยา วิทยาลัยครูบ้านสมเด็จเจ้าพระยา และต่อมาเมื่อวันที่ ๑๔ กุมภาพันธ์ พุทธศักราช ๒๕๓๕ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลเดชมหาราช  ได้ทรงกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานนาม “สถาบันราชภัฏ” ให้แก่ สถาบันในสังกัดกรมการฝึกหัดครู ดังนั้นจึงได้นามใหม่เป็น “สถาบันราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยา” ซึ่งปัจจุบันมีสถานภาพเป็นสถาบันอุดมศึกษา ที่ผลิตบัณฑิตในสาขาวิชาต่าง ๆ ได้แก่ ครุศาสตร์บัณฑิต วิทยาศาสตร์บัณฑิต และศิลปะศาสตร์บัณฑิต สถาบันราชภัฏแห่งนี้มีภารกิจตามพระราชบัญญัติ  สถาบันราชภัฏ พุทธศักราช ๒๕๓๘ ที่นอกจากผลิตบัณฑิต ศึกษาวิจัยแล้ว ยังมั่งในการพัฒนาท้องถิ่นอีกด้วย 

   ด้วยสถาบันราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยามีพื้นที่น้อย ไม่เพียงพอกับความต้องการของผู้เรียน สถานที่ฝึกปฏิบัติ และที่พักของคณาจารย์ไม่เพียงพอ การสร้างอาคารเรียนจึงจำเป็นต้องขยายพื้นที่ในทางสูง รองศาสตราจารย์ฉลอง ภิรมย์รัตน์ อธิการบดีสมัยนั้นผู้คิดริเริ่มเมื่อปีพุทธศักราช ๒๕๓๖ โดยได้ขออนุมัติคณะรัฐมนตรีให้เปลี่ยนแปลงจากการก่อสร้างอาคารเรียน ๔ ชั้น ซึ่งในปีนั้นได้รับงบประมาณแผ่นดิน ๒๐,๙๕๐,๐๐๐ บาท (ยี่สิบล้านเก้าแสนห้าหมื่นบาทถ้วน) มาเป็นอาคารเรียนรวม ๑๕ ชั้น ตามแบบของกองพัฒนาอาคารสถานที่ กรมการฝึกหัดครู ซึ่งสถาบันจะต้องเพิ่มเงินนอกงบประมาณของสถาบัน อีกจำนวน ๕๑,๒๒๖,๕๐๐ บาท (ห้าสิบเอ็ดล้านสองแสนสองหมื่นหกพันห้าร้อยบาทถ้วน) รวมเป็นเงินค่าก่อสร้างอาคารหลังนี้จำนวนเงินทั้งสิ้น ๗๒,๑๗๖,๕๐๐ บาท (เจ็ดสิบสองล้านหนึ่งแสนเจ็ดหมื่นหกพันห้าร้อยบาทถ้วน) ทั้งนี้เพื่อให้อาคารนี้เสร็จทันเฉลิมฉลองโอกาสครบรอบ ๑๐๐ ปี ของสถาบันในปีพุทธศักราช ๒๕๓๙ จึงได้เริ่มก่อสร้างในสมัยอธิการบดีคนปัจจุบัน คือ รองศาสราจารย์สันต์ ธรรมบำรุง 

   ในการก่อสร้างอาคารหลังนี้ สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปรินายก  ได้ทรงกรุณาเสด็จเป็นองค์ประธานในพิธีวางศิลาฤกษ์ เมื่อวันพุธที่ ๑๙ มกราคม พุทธศักราช ๒๕๓๗  เวลา ๑๔.๒๙ น. การก่อสร้างได้แล้วเสร็จเมื่อเดือนธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๓๙ ด้วยเหตุที่สถาบัน ราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยาได้ตั้งขึ้นอยู่ในพื้นที่ของสมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์ (ช่วง บุนนาค)  และเพื่อเป็นการเฉลิมฉลองครบรอบ ๑๐๐ ปี ของสถาบันจึงใช้ชื่ออาคารนี้ว่า “อาคาร ๑๐๐ ปี ศรีสุริยวงศ์” ซึ่งเป็นอาคารเรียนที่สูงที่สุดอาคารแรกของกระทรวงศึกษาธิการ 

เอกสารสำคัญ

พระธรรมวิสุทธาจารย์ (มงคล วิโรจโน)

ปริญญา : ครุศาสตรบัณฑิตกิตติมศักดิ์

วัน/เดือน/ปี ที่ถวายปริญญากิตติมศักดิ์ : ๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๐ 

พระมหาสมัย จินฺตโฆสโก

ปริญญา : ศิลปศาสตรบัณฑิตกิตติมศักดิ์ 

วัน/เดือน/ปี ที่ถวายปริญญากิตติมศักดิ์ : ๑๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๓๙ 

ปริญญา : ปริญญาศิลปศาสตรบัณฑิตกิตติมศักดิ์ โปรแกรมวิชาพัฒนาชุมชน

วัน/เดือน/ปี ที่ถวายปริญญากิตติมศักดิ์ : ปีการศึกษา ๒๕๓๘

 

พระครูวิสาลสรกิจ (พระมหาสมยศ)

ปริญญา : วิทยาศาสตรบัณฑิตกิตติมศักดิ์ 

วัน/เดือน/ปี ที่ถวายปริญญากิตติมศักดิ์ : ๑๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๓๙ 

เดิมชื่อ ดนัย นามสกุล ศิลป์ ฉายา อตุกภทโท อายุ ๔๒ พรรษา ๒๒

เกิด ณ ที่บ้านข้างวัดสุทธาราม โดยมารดาเป็นคนชาติภูมิเกิดข้างวัดสุทธาราม

เรียนจบชั้นประถมศึกษาปีที่ ๕ โรงเรียนวัดเศวตฉัตร

ศึกษาทางธรรม นักธรรมเอก อภิธรรมบัณฑิต วัดระฆังโฆสิตาราม (๒๕๒๖)

บรรพชาเมื่ออายุ ๑๘ ปี ถือพระอุปัชฌาย์ใน สมเด็จพระสังฆราช (ปุ่น ปุณณสิริมหาเถร)

วันที่ ๓ พฤษภาคม ๒๕๑๗ อายุครบ ๒๐ ปี อุปสมบท ถือพระอุปัชฌาย์ใน พระธรรมเจดีย์ (กี มารชิโน) วัดทองนพคุณ ณ พัทธสีมาวัดสุทธาราม พระครูสุทธาภรณ์ พระกรรมวาจาจรย์ พระครูสุทธาลังการ พระอนุสาวนาจารย์

วันที่ ๒๕ สิงหาคม ๒๕๒๕ เป็นครูสอนพระปริยัติธรรม สํานักวัดสุทธาราม

วันที่ ๒ กรกฎาคม ๒๕๒๗ เป็นครูสอนพระอภิธรรม สํานักวัดระฆังฯ

วันที่ ๒๔ ธันวาคม ๒๕๓๑ เป็นพระกรรมวาจาจารย์ วันที่ ๕ ธันวาคม ๒๕๓๐ เป็นพระครูฐานานุกรมที่ “พระครูปลัด” ในพระราชาคณะชั้นราช

วันที่ ๕ ธันวาคม ๒๕๓๓ เป็นพระครูฐานานุกรมที่ “พระครูวินัยธร” ในพระเทพวรเวที พระราชาคณะชั้นเทพ รองเจ้าคณะกรุงเทพมหานคร

วันที่ ๒๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๓๖ เป็นพระครูฐานานุกรมที่ “พระครูวิสาลสรกิจ”

วันที่ ๑๕ กันยายน ๒๕๓๖ เป็นผู้ช่วยเจ้าอาวาส

วันที่ ๑๓ กรกฎาคม ๒๕๓๗ เป็นผู้รักษาการเจ้าอาวาส

วันที่ ๑๑ เมษายน ๒๕๓๘ เป็นเจ้าอาวาส ปี ๒๕๒๕-ปัจจุบัน เป็นประธานมูลนิธิศรีรัตนโกสินทร์ ในพระอุปถัมภ์ของ สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี

ดูประวัติเพิ่มเติม : พระครูวิสาลสรกิจ

วันจันทร์ที่ ๑๓ มกราคม พ.ศ.๒๕๓๙

สมเด็จพระญาณสังวรสมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปรินายก เสด็จเป็นองค์ประธาน จุดเทียนชัยในพิธีพุทธาภิเษกพระกริ่งและเหรียญสมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์  (ช่วง บุนนาค) รุ่น ๓ 

หลักการและเหตุผล  

สถาบันราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยาสถานที่ก่อตั้งมาจากพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เปิดทำการสอนเมื่อวันที่ ๑๗ มีนาคม ๒๔๙๓ ณ จวนของสมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์ (ช่วง บุนนาค) นับจนถึงปัจจุบันเป็นเวลาครบ ๑๐๐ ปี จึงสมควรที่จะสร้างวัตถุมงคลขึ้น เพื่อแสดงถึงความกตัญญู กตเวทิตา และเป็นที่ระลึกแด่บรรดาคณาจารย์ ศิษย์เก่า ศิษย์ปัจจุบัน และบุคคลทั่วไป 

ในการจัดสร้างวัตถุมงคลครั้งนี้ คณะกรรมการจัดสร้างมุ่งหวังให้เป็นวัตถุมงคลที่ทรงคุณค่า มากที่สุด ทั้งรูปแบบและพิธีกรรม จึงได้เลือกสรรปฏิมากรที่มีฝีมือทางด้านการสร้างพระโดยเฉพาะ ได้แก่ รูปหล่อสมเด็จเจ้าพระยาฯ ผู้ปั้นหุ่น คืออาจารย์ชนะ กรภัทร์กุล และดำเนินการหล่อโดยนายช่างแก้ว หนองบัว โรงหล่อธรรมรังษี เหรียญสมเด็จเจ้าพระยาฯ นายช่างประดิษฐ์ ธนยศเศวตวิจิตร เป็นผู้แกะแบบและจัดสร้างโดยจำลองแบบจากเหรียญรุ่นแรกของวัดศรีสุริยวงศ์ (พ.ศ.๒๔๖๕) ส่วนพระกริ่ง พระชัยวัฒน์ใช้รูปแบบพระกริ่งใหญ่ วัดสุทัศน์ฯ เป็นต้นแบบและเนื้อนวโลหะ (กลับดำ) เป็นสูตรโบราณและกำกับควบคุมการหล่อโดยอาจารย์กิจจา วาจาสัจ 

การสร้างวัตถุมงคล ๑๐๐ ปี บ้านสมเด็จเจ้าพระยา จึงนับได้ว่ามีความยิ่งใหญ่และทรงคุณค่าไม่แพ้วัตถุมงคลที่สร้างเมื่อ ปี พ.ศ.๒๕๑๙ ในโอกาสครบ ๘๐ ปีของสถาบัน ซึ่งวัตถุมงคลรุ่นนั้นในขณะนี้ถือได้ว่ามีคุณค่ามาก และหาได้ยากทั้งยังมีราคาเพิ่มขึ้นมากทีเดียว ดังนั้นวัตถุมงคล ๑๐๐ ปี บ้านสมเด็จเจ้าพระยาจึงเป็นที่ลูกเจ้าพ่อหรือลูกสุริยะทุกคนควรได้มีไว้เพื่อเป็นสิริมงคลและเป็นที่ระลึกตลอดไป 

วัตถุประสงค์ 

๑. เพื่อสมทบเงินเข้ากองทุน ๑๐๐ ปี 
๒. เพื่อปรับปรุงและทำนุบำรุงอนุสาวรีย์และศาลของสมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์ 
๓. เพื่อเป็นทุนในการเผยแพร่ชื่อเสียงเกียรติคุณของสมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์ 

ระยะเวลาดำเนินการ 

พิธีเททองหล่อรูป วันที่ ๑๓ พฤศจิกายน ๒๕๓๙ ณ สถาบันราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยา  

วันพุธที่ ๑๙ มกราคม พ.ศ.๒๕๓๗

สมเด็จพระญาณสังวรสมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปรินายก เสด็จเป็นองค์ประธานวางศิลาฤกษ์อาคารเรียนรวม ๑๐๐ ปี ศรีสุริยวงศ์  

พิธีวางศิลาฤกษ์ : การวางศิลาฤกษ์ในปัจจุบัน มีทั้งพิธีสงฆ์และพิธีพราหมณ์ เริ่มต้นด้วยการเตรียมหาฤกษ์กำหนดสถานที่ กำหนดผู้เป็นประธานในพิธี และสิ่งของที่ใช้ในการประกอบพิธีการเตรียมการมีดังนี้ 

๑. การเตรียมมหาฤกษ์เจ้าของอาคารนิยมให้พระสงฆ์ผูกดวงหา วัน เวลา ในการประกอบพิธีเพื่อให้ผู้เกี่ยวข้องกับอาคารที่สร้างใหม่นั้นได้อยู่เย็นเป็นสุข เป็นการบำรุงขวัญ 

๒. การเตรียมหาสถานที่ที่จะประกอบพิธีเจ้าของอาคารต้องนำแผนผังอาคาร (แบบแปลน) ให้พระสงฆ์ที่หาฤกษ์ได้พิจารณาเพื่อกำหนดสถานที่ตั้งพิธีวางศิลาฤกษ์ ที่ตั้งโต๊ะหมู่บูชา อาสนะสำหรับพระสงฆ์ ที่นั่งของประธาน และผู้มาร่วมพิธีทางเข้าทางออกสำหรับที่ตั้งพิธีวางศิลาฤกษ์มักจะเป็นที่ที่ไม่อยู่ใกล้ห้องน้ำ บันได เป็นต้น เป็นต้น มีการดูทิศทาง ปกติการวางศิลาฤกษ์ประธานประกอบพิธีจะไม่หันหน้าไปทางทิศตะวันออก กลัวว่าจะร้อนจึงเลี่ยงหันหน้าไปทางทิศเหนือ บางตำราก็ให้หันหน้าไปทางทิศตะวันออก 

๓. วางกำหนดการเป็นขั้นตอน ลงรายละเอียดทั้งกำหนดเวลาและการปฏิบัติ 

๔.๑ แผ่นศิลาจารึกดวงฤกษ์ซึ่งสลักลงในแผ่นหินอ่อน และมีข้อความบอกวัน เดือน ปี ชื่อประธานและประเภทของอาคารที่วางศิลาฤกษ์ดังภาพตัวอย่างดวงมงคลฤกษ์ อาคาร ๑๕ ชั้น วิทยาลัยครูบ้านสมเด็จเจ้าพระยา ส่วนทางด้านหลังแผ่นศิลาอาจมีการลงยันต์ตรีนิสิงเห เพื่อให้ขลังและศักดิ์สิทธิ์ 

๔.๒ แผ่นอิฐ มักใช้อิฐก้อนหนาจำนวน ๙ แผ่น ปิดหรือทาบรอนซ์ทอง ๓ แผ่น บรอนซ์เงิน ๓ แผ่น และบรอนซ์นาก ๓ แผ่น ๔.๓ ไม้มงคล ๙ ชนิด อันได้แก่ ไม้ชัยพฤกษ์ ไม้ราชพฤกษ์ ไม้ทองหลาง ไม้ไผ่สีสุก ไม้กันเกลาหรือ (กันภัย) ไม้ทรงบันดาล ไม้สัก ไม้พยุง ไม้ขนุน ซึ่งมีความหมายตามลำดับดังนี้ คือ ให้มีโชคชัย มีคนนับถือ มีเงินมีทอง มีความสุข มีเครื่องป้องกันภัย มีอานุภาพมหาอำนาจ มีศักดิ์สิทธิ์ ให้พยุงฐานะ และหนุนให้มีเงินทอง ให้ยศศักดิ์ไม่ถดถอย เวลาปักไม้ให้เวียนเป็นทักษิณาวรรตที่หลุมสำหรับวางศิลาฤกษ์ โดยให้ไม้ขนุนอยู่ ตรงกลาง   

๔.๔ ตลับเพชรพลอยเก้าสี พร้อมด้วยเศษเงินเศษทอง รูปกันภัย (เศษไม้รัก ไม้มะยม ไม้กัลปังหา) บางแห่งถ้ามีกล่องแผนผัง ก็ใส่ไว้ในหลุมก่อนที่จะถึงเวลาวางศิลาฤกษ์ 

๔.๕ ถังศิลาฤกษ์ หลุมที่จะวางศิลาฤกษ์นั้น มีทั้งวิธีขุดและก่อดังนี้ ถ้าขุดหลุมดินธรรมดาจะต้องตอกเข็มใหญ่ ๆ ไว้ให้เรียบร้อย ถ้าหลุมนั้นก่อขึ้นด้วยปูนซิเมนต์ ในเวลาที่ก่อจะต้องเจาะเป็นรูไว้เก้ารู เพื่อให้เป็นที่ตอกเข็มฤกษ์จำนวนเก้าเข็มส่วนถังศิลาฤกษ์ที่ก่อนั้นเป็นคอนกรีตประดับด้วย ดอกไม้ ถังนี้ยกออกได้ รอบๆ บริเวณที่วางศิลาฤกษ์นั้น จะต้องปักด้วยราชวัติฉัตร ธง พร้อมด้วย หน่อกล้วยหน่ออ้อย และต้องวงด้วยสายสิญจน์ต่อมาจากที่พระสงฆ์เจริญพระพุทธมนต์ เชื่อมมายังเครื่องวางศิลาฤกษ์ คือไม้มงคล แผ่นอิฐ แผ่นศิลาตลับพลอยเก้าสี ฯลฯ แล้วโยงเข้าสู่ประรำพิธี 

๔.๖ สิ่งของอื่น ๆ เช่น เครื่องสังเวย บูชาฤกษ์ซึ่งพราหมณ์เป็นผู้จัด เครื่องไทยธรรม สำหรับถวายพระสงฆ์

วันจันทร์ที่ ๙ มกราคม พ.ศ.๒๕๓๒

สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินทรงเปิดศูนย์ศิลปวัฒนธรรม ทรงเปิดงานบ้านสมเด็จเจ้าพระยา ๓๒ และทรงวางศิลาฤกษ์สระว่ายน้ำ  งานบ้านสมเด็จเจ้าพระยา จัดขึ้นเป็นครั้งแรกเมื่อ พ.ศ. ๒๕๓๐ ใช้ชื่อตามปี การจัดงานครั้งนี้เป็นครั้งที่ ๓ และใช้ชื่อว่า งานบ้านสมเด็จเจ้าพระยา ๓๒ ลักษณะงานเป็นงานนิทรรศการทางวัฒนธรรมและนิทรรศการทางวิชาการ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อแสดงผลงานของนักเรียนและนักศึกษาของวิทยาลัย บริการทางวิชาการแก่สังคมและทำนุบำรุงศิลปวัฒนธรรมของชาติตามบทบาทและหน้าที่ของสถาบันอุดมศึกษาทั่วไป 

   ศูนย์ศิลปวัฒนธรรม วิทยาลัยครูบ้านสมเด็จเจ้าพระยา ดำเนินการจัดขึ้นตั้งแต่ พ.ศ. ๒๕๒๗ เพื่อเสริมสร้างให้นักศึกษาและบุคลากรของวิทยาลัยมีความรัก ความภาคภูมิใจและหวงแหนมรดกทางวัฒนธรรม อันมีค่านอกเหนือจากการจัดกิจกรรม เพื่อทำนุบำรุงศิลปวัฒนธรรมของชาติ โดยทั่วไปแล้ว ศูนย์ศิลปวัฒนธรรม ฯ นี้ ยังได้เน้นกิจกรรมพิเศษคือ รวบรวมลายผ้าทอซึ่งเป็นเอกลักษณ์เฉพาะภาคต่าง ๆ ของประเทศไทย รวบรวมเครื่องดนตรีไทยไว้เป็นจำนวนมากพร้อมทั้งแสดงประวัติและวิวัฒนาการตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันและยังได้สนับสนุนให้มีการผลิตเครื่องเบญจรงค์และลายน้ำทองอันเป็นเครื่องถ้วยที่งดงามซึ่งเป็นประณีตศิลป์ แสดงถึงเอกลักษณ์ของชาติได้อย่างชัดเจน พร้อมกันนี้ได้จัดห้องสมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์ (ช่วง บุนนาค) แสดงถึงประวัติและผลงานในด้านต่าง ๆ เพื่อให้เป็นแหล่งค้นคว้าข้อมูลเกี่ยวกับตัวท่านที่สมบูรณ์ที่สุด 

   ด้วยเหตุที่พื้นที่วิทยาลัย ฯ ตั้งอยู่นี้เดิมเป็นที่อยู่ของชุมชนสามกลุ่ม คือ มอญ ลาว แขก ซึ่งในปัจจุบันสภาพความเป็นอยู่ของชุมชนทั้งสามกลุ่มนี้ ได้เปลี่ยนแปลงไปตามหลักสังคมวิทยา แต่ยังคงทิ้งร่องรอยทางวัฒนธรรมได้อย่างเด่นชัด ศูนย์ศิลปวัฒนธรรม ฯ จึงได้รวบรวมสิ่งของเครื่องใช้เกี่ยวกับวัฒนธรรมความเป็นอยู่ในชีวิตประจำวันของชุมชนทั้งสามกลุ่มนี้ไว้ด้วย อีกทั้งอาคารหอประชุมอันเป็นที่ตั้งของศูนย์ศิลปวัฒนธรรม ฯ นี้ กรมศิลปากรได้ขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานของชาติไว้แล้ว วิทยาลัยเห็นสมควรบูรณะสระน้ำซึ่งมีคู่กับหอประชุมมาตั้งแต่ต้น ให้เป็นสระว่ายน้ำมาตรฐาน ซึ่งจะช่วยส่งเสริมให้อาคารหอประชุมแห่งนี้มีความสง่างามสมเกียรติภูมิแห่งวิทยาลัยครูบ้านสมเด็จเจ้าพระยา 

ประมวลภาพความทรงจำ

อธิการบดีวิทยาลัยครูบ้านสมเด็จเจ้าพระยา ผู้แทนกรมการฝึกหัดครู ผู้อำนวยการเขตธนบุรี คณะกรรมการ จัดงาน คณาจารย์ นักเรียน นักศึกษา ประชาชน เฝ้าฯ รับเสด็จฯ 

อธิการบดีวิทยาลัยครูบ้านสมเด็จเจ้าพระยา ผู้แทนกรมการฝึกหัดครู ผู้อำนวยการเขตธนบุรี คณะกรรมการ จัดงาน คณาจารย์ นักเรียน นักศึกษา ประชาชน เฝ้าฯ รับเสด็จฯ 

ทรงกดปุ่มไฟฟ้าเปิดงาน “บ้านสมเด็จเจ้าพระยา ๓๒”

เสด็จฯ ขึ้นสู่อาคารศูนย์ศิลปวัฒนธรรม ทอดพระเนตรนิทรรศการ 
เสด็จฯ ทรงปลูกต้นไม้
ทรงเปิดป้ายอาคารศูนย์ศิลปวัฒนธรรม