พระราชประวัติ
พระนามเดิมของพระองค์ เดิมว่า สมเด็จ พระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าวชิราลงกรณ บรมจักรยาดิศร สันตติวงศ เทเวศรธำรง สุบริบาล อภิคุณูประการมหิตลาดุลเดช ภูมิพลนเรศวรางกูร กิตติสิริสมบูรณ์ สวางควัฒน์ บรมขัตติยราชกุมาร ซึ่งเป็นพระราชโอรสเพียงพระองค์เดียว ในพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระองค์ทรงพระราชสมภพ เมื่อวันจันทร์ที่ ๒๘ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๙๕ เมื่อเวลา ๑๗ นาฬิกา ๔๕ นาที ณ พระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต
การศึกษา
ทรงได้รับการศึกษาระดับอนุบาลศึกษาที่พระที่นั่งอุดร พระราชวังดุสิต และทรงเข้ารับการศึกษาระดับประถมศึกษาและระดับมัธยมศึกษา ณ โรงเรียนจิตลดา ในระหว่างปี พ.ศ. 2499 – 2505 ต่อมาได้ทรงเสด็จไปศึกษา ณ ประเทศอังกฤษในระหว่างปี พ.ศ. 2509 – 2513 หลังจากนั้น ได้ทรงศึกษาระดับเตรียมทหารที่โรงเรียนคิงส์ นครซิดนีย์ ประเทศออสเตเลีย แล้วเข้ารับการศึกษาระดับอุดมศึกษา ณ มหาวิทยาลัยนิวเซาท์เวลส์ ประเทศออสเตรเลีย โดยทรงได้รับปริญญาอักษรศาสตรบัณฑิต (การศึกษา ด้านทหาร) ในปี พ.ศ. 2519 นอกจากนี้ยังทรงศึกษาที่โรงเรียนเสนาธิการทหารบก หลักสูตรประจำชุดที่ 5 – 6 ระหว่างปี พ.ศ. 2520 – 2521 และทรงได้รับปริญญานิติศาสตรบัณฑิต จากมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช เมื่อปี พ.ศ. 2530 และใน พ.ศ. 2533 ทรงได้รับการศึกษา ณ วิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักรแห่ง สหราชอาณาจักรด้วย
ทรงผนวช
วันที่ 6 พ.ย.2521 ทรงผนวชเป็นพระภิกษุในพระพุทธศาสนา ณ พระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม โดยมีสมเด็จพระสังฆราช วาสนมหาเถร วัดราชบพิธ เป็นพระราชอุปัธยาจารย์ ถวายพระสมณนามว่า วชิราลงฺกรโณ ประทับ ณ วัดบวรนิเวศวิหาร เมื่อครบ 15 วัน ทรงลาผนวช
พระบรมราชโองการประกาศสถาปนาขึ้นดำรงพระอิสริยยศ สมเด็จพระบรมโอสาธิราช สยามมกุฎราชกุมาร
เมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ.2515 ปวงชนชาวไทยต่างมีความปลาบปลื้มปีติยินดีเป็นอย่างยิ่ง เมื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลเดช ได้มีพระบรมราชโองการประกาศสถาปนาสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าวชิราลงกรณ ขึ้นดำรงพระอิสริยยศ สมเด็จพระบรมโอสาธิราช สยามมกุฎราชกุมารมีพระนามาภิไธย ตามจารึกพระสุพรรณบัฏว่า
“สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร สิริกิติยสมบูรณสวางควัฒน์วรขัตติยราชสันตติวงศ์ มหิตลพงศอดุลยเดช จักรีนเรศยุพราชวิสุทธิ สยามมกุฎราชกุมาร”
ในมงคลวาระนั้น สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ได้ถวายสัตย์ปฎิญาณในการพิธีถือน้ำพิพัฒน์สัตยา ณ พระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ซึ่งแสดงถึงน้ำพระราชหฤทัยที่ทรงมุ่งมั่นจะบำเพ็ญพระราชกรณียกิจ เพื่อชาติบ้านเมือง และประชาชนชาวไทย เป็นที่ซาบซึ้งประทับใจพสกนิกรอย่างยิ่ง ดังความว่า
“ข้าพเจ้าผู้เป็น สยามมกุฎราชกุมาร จะรักษาเกียรติยศและอริยศักดิ์ ซึ่งทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯพระราชทานไว้ด้วยชีวิต จะภักดีต่อชาติบ้านเมือง จะซื่อสัตย์ต่อประชาชน จะปฏิบัติภาระหน้าที่ทุกอย่าง โดยเต็มกำลังสติปัญญาความสามารถ และโดยความเสียสละ เพื่อความเจริญสงบสุขและความมั่นคงไพบูลย์ของประเทศไทย จนตราบเท่าชีวิตร่างกายจะหาไม่”
พระวิริยะอุตสาหะในการทรงภารกิจทั้งปวง
สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ทรงสนพระราชหฤทัย ด้านอากาศยาน และการบินมาตั้งแต่ทรงพระเยาว์ ทรงทุ่มเทฝึกการบินแบบต่างๆ มาเป็นระยะเวลานาน ทรงฝึกหลักสูตรการบินต่างๆ มากมาย และตั้งพระราชหฤทัยเพื่อพัฒนากองทัพอากาศ
ทรงเป็น “เจ้าฟ้านักบินขับไล่ไอพ่น” พระองค์แรกแห่งราชวงศ์จักรี ทรงทำการบินกับเครื่องบินของกองทัพอากาศเกือบทุกรูปแบบ และทรงผ่านการฝึกบินหลักสูตรการบินเฮลิคอปเตอร์ และการฝึกบินเครื่องบินขับไล่สมรรถนะสูง (F-5E) จากประเทศสหรัฐอเมริกา ถือได้ว่าทรงเป็นนักบินที่มีพระวิริยะอุตสาหะและพระปรีชาสามารถด้านการบินอย่างยิ่ง หลังสำเร็จการศึกษาแล้วได้ทรงนำความรู้มาจัดทำหลักสูตรการฝึกบินและทรงปฏิบัติหน้าที่ครูการบินให้แก่นักบินเครื่องบินขับไล่แบบ “18 ข” (F-5E) หน่วยบินเดโชชัย 3 และนักบินของกองทัพอากาศ โดยทรงตั้งพระราชหฤทัยอย่างแน่วแน่ว่า จะทรงถ่ายทอดประสบการณ์ที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์ต่อกองทัพอากาศและประเทศชาติมากที่สุด