สมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์

ช่วง บุนนาค

คุณูปการ :เจ้าของบ้านหรือจวนที่ใช้เป็นที่ตั้งโรงเรียนราชวิทยาลัยโรงเรียนมัธยมบ้านสมเด็จเจ้าพระยา  และโรงเรียนศีกษานารีในปัจจุบัน

ชีวประวัติ

สมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์ มีนามเดิมว่า ช่วง บุนนาค เกิดวันศุกร์ที่ ๒๓ ธันวาคม .. ๒๓๕๑ ตรงกับวันขึ้น ค่ำ เดือนยี่  เป็นบุตรคนใหญ่ของสมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาประยูรวงศ์ (ดิศ  บุนนาค) กับท่านผู้หญิงจันทร์  มีพี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกันรวม คน  สมรสกับท่านผู้หญิงกลิ่น ท่านผู้หญิงพันและท่านผู้หญิงหยาด  สมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์ (ช่วง  บุนนาค) ได้ถวายตัวเป็นมหาดเล็กในสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย (รัชกาลที่ ) และรับราชการมาจนถึงสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ )   

ด้านการศึกษาของสมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์ (ช่วง  บุนนาค) เมื่อครั้งยังเยาว์วัย  คงจะมิได้ศึกษาอักขรสมัยลึกซึ้งนัก  เพราะการเล่าเรียนของกุลบุตรในสมัยก่อนนั้น  มักให้พระภิกษุจากวัดเป็นผู้สอน  เข้าใจว่าสมเด็จเจ้าพระยาฯ คงจะเรียนหนังสือที่วัดพระเชตุพนซึ่งเป็นวัดที่อยู่ใกล้บ้านที่สุด  ส่วนการศึกษาวิชาสำหรับเป็นอาชีพเมื่อเติบใหญ่  ก็มักเรียนโดยกระบวนฝึกหัดจากตระกูลของตน  โดยท่านได้รับฝึกฝนวิชาการต่าง เป็นอย่างดี  เนื่องจากบิดาของท่านเป็นเจ้าพระยาคลังเสนาบดีที่ว่าการต่างประเทศและว่าการปกครองหัวเมืองชายฝั่งทะเลมาก่อน  ท่านจึงมีความสนใจในภาษาอังกฤษ  สามารถพูดและอ่านตำราภาษาอังกฤษได้อย่างคล่องแคล่ว  อีกทั้งยังเป็นบุคคลสำคัญในการเจรจาและทำสัญญากับชาติตะวันตกที่เข้ามาติดต่อกับไทยในสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ ) และสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ ) มาโดยตลอด  นอกจากนี้ท่านยังมีความสามารถในการต่อเรือแบบฝรั่ง จนสามารถต่อเรือกำปั่นขนาดใหญ่ได้เป็นจำนวนหลายลำ และท่านยังมีความสนใจในความรู้ด้านอื่น เช่น วรรณคดี การค้าการปกครอง      เป็นต้น 

ด้านการทำงานสมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์ (ช่วง บุนนาค เริ่มเข้ารับราชการตั้งแต่รัชกาลที่ ๒ มาจนถึงรัชกาลที่ ๕ เมื่ออายุได้ ๑๖ ปี  บิดาได้นำเข้าถวายตัวเป็นมหาดเล็กในพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์และตำแหน่งราชการจากสมัยรัชกาลที่ ๓ ถึงรัชกาลที่ ๕ มาเป็นลำดับดังนี้ 

.. ๒๓๖๙ อายุได้ ๑๘ ปี  เป็นนายขรรค์  หุ้มแพร  มหาดเล็ก 

.. ๒๓๗๖ อายุได้ ๒๕ ปี เป็นหลวงสิทธิ  นายเวรมหาดเล็ก 

.. ๒๓๘๔ อายุได้ ๓๓ ปี เป็นจมื่นไวยวรนารถ  หัวหมื่นมหาดเล็ก  (ต่อมารัชกาลที่ ๓ ทรงเพิ่มสร้อยนามพระราชทานว่า “จมื่นไวยวรนารถ  ภักดีศรีสุริยวงศ์”) 

.. ๒๓๙๓  อายุได้ ๔๒ ปี เป็นพระยาศรีสุริยวงศ์  จางวางมหาดเล็ก 

.. ๒๓๙๔ อายุได้ ๔๓ ปี เป็นเจ้าพระยาศรีสุริยวงศ์  สมันตพงศพิสุทธิ  มหาบุรุษรัตโนดม           ว่าที่สมุหพระกลาโหม 

.. ๒๓๙๘  อายุได้ ๔๗ ปี เป็นเจ้าพระยาศรีสุริยวงศ์  อัครเสนาบดีที่สมุหกลาโหมเต็มตำแหน่ง 

.. ๒๔๑๒  อายุได้ ๖๑ ปี เพิ่มยศเจ้าพระยาศรีสุริยวงศ์  และเป็นผู้สำเร็จราชการแผ่นดิน 

.. ๒๓๑๖  อายุได้ ๖๕ ปี เป็นสมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์  ผู้สำเร็จราชการแผ่นดินผู้มีอำนาจสิทธิ์ขาดในราชการแผ่นดินทั่งราชอาณาจักร 

ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว  เมื่อสมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์ได้รับแต่งตั้งเป็นผู้สำเร็จราชการแผ่นดินนั้น  โปรดฯ ให้เพิ่มยศศักดิ์เจ้าพระยาศรีสุริยวงศ์  เมื่อ ปี พ.. ๒๔๑๒ ดังในพระบรมราชโองการตอนหนึ่งว่า 

จึงมีพระบรมราชโองการการมานพระบัณฑูรสุรสิงหนาท  ให้สถาปนาเจ้าพระยาศรีสุริยวงศ์      สมันตพงศพิสุทธิ  มหาบุรุษรัตโนดม  ที่สมุหพระกลาโหมให้มีอำนาจได้สิทธิยาดราชการทั้งปวง  แลให้สำเร็จสรรพอาญาสิทธิถึงประหารชีวิตคนที่ควรจะถึงอุกฤษฎ์โทษได้มีมหันตเดชานุภาพยิ่งใหญ่ไม่มีผู้ใดเสมอ  เป็นอรรถมหาประธานาธิบดีในการทำนุบำรุงศิริราชสมบัติ  แลสกลราชอาณาจักรทั้งสิ้น  ทรงดวงตรามหาสุริยวงศ์มณฑลเป็นสำคัญและทรงพระกรุณาโปรดฯ พระราชทานอิสริยยศให้ถือ   ศักดินา ๓๐,๐๐๐ ตั้งจางวางทนายเป็นหลวงบำรุงวรามาตย์  ปลัดจางวางทนาย  เป็นขุนประสาทภักดี  และสมุห์บัญชีทนายเป็นหมื่นศรีพยุรักษ์ 

 

ต่อมาใน พ.. ๒๔๑๖ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว  ได้ทรงสถาปนาเจ้าพระยาศรีสุริยวงศ์ขึ้นเป็นสมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์ 

หลังจากพ้นจากตำแหน่งผู้สำเร็จราชการแผ่นดินแล้ว  ในบั้นปลายชีวิตสมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์ มักออกไปตรวจราชการตามหัวเมืองต่าง ๆ ส่วนใหญ่จะพักอยู่ที่เมืองราชบุรีและถึงแก่พิราลัยด้วยโรคลมเมื่อวันศุกร์  เดือนยี่ ขึ้น ๑๑ ค่ำ  ปีมะเมีย  จัตวาศก จุลศักราช ๑๒๔๔  ตรงกับวันที่ ๑๙ มกราคม พ.. ๒๔๒๕ นับเป็นมหาบุรุษคนสำคัญของประเทศชาติที่ประกอบคุณงามความดีจนเป็นที่ประจักษ์แก่คนทั้งปวง  

นอกจากนี้  สมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์ (ช่วง บุนนาค) ท่านยังเป็นบุคคลสำคัญมีคุณูปการต่อสถานศึกษาที่มีนามว่ามหาวิทยาลัยราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยาเนื่องจากท่านเป็นเจ้าของบ้านหรือจวนที่ใช้เป็นที่สถานที่จัดตั้งโรงเรียนราชวิทยาลัย  โรงเรียนมัธยมบ้านสมเด็จเจ้าพระยา และโรงเรียนศึกษานารีในปัจจุบัน ถึงแม้ว่าต่อมาในปี .. ๒๔๗๔ โรงเรียนมัธยมบ้านสมเด็จเจ้าพระยาจะย้ายแลกเปลี่ยนพื้นที่กับโรงเรียนศึกษานารีแล้ว  แต่นามสถาบันก็ยังคงเป็น    “บ้านสมเด็จเจ้าพระยาและดำเนินการจัดการเรียนการสอนเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน  ท่านจึงเป็นศูนย์รวมจิตใจของครู อาจารย์ นักเรียน นักศึกษา ตลอดจนบุคคลที่อยู่ในชุมชนใกล้เคียง  ทุกคนต่างให้ความเคารพรักและเทิดทูนสมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์ (ช่วง บุนนาค) โดยขนานนามว่าเจ้าพ่อ”  และเรียกตนเองว่า   “ลูกสุริยะ”  เนื่องจากท่านได้รับพระราชทานตรามหาสุริยมณฑลจากพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ ซึ่งเป็นตราประจำตัวและยึดถือเป็นสัญลักษณ์แทนตัวท่านมาโดยตลอด