ประวัติ คุณอรุณ งามดี
อธิบดีกรมประชาสัมพันธ์
การศึกษา
- ป.ป. รุ่นสุดท้าย (2499) วิทยาลัยครูบ้านสมเด็จเจ้าพระยา
- อบ., ผม. จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
- ประกาศนียบัตรชั้นสูงทางรัฐประศาสนศาสตร์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
- ปริญญาโททางการประชาสัมพันธ์มหาวิทยาลัยบอสตันสหรัฐอเมริกา
การทํางาน
- ผู้อ่านวยการโรงเรียนประชาสัมพันธ์
- หัวหน้าสำนักงานแถลงข่าวไทยกรุงลอนดอน
- ผู้อำนวยการกองสำรวจประชามติ
- ผู้อำนวยการสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย
- รองอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์
- ปัจจุบันอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์
ประวัติส่วนตัว
- สมรสแล้ว มีธิดา 1 คนกำลังศึกษาที่โรงเรียนสาธิตปทุมวัน
ประวัติ รศ. สันต์ ธรรมบำรุง
อธิการสถาบันราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยา
วันเกิด 30 สิงหาคม 2486 ที่อำเภอเมือง จังหวัดนครนายก
การศึกษา
- จบชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 จากโรงเรียนวัดสัมปทวนอำเภอเมืองจังหวัดฉะเชิงเทรา
- จบชั้นม. 6 จากโรงเรียนประจำจังหวัดชายเบญจมราชรังสฤษฎ์
- เรียนโรงเรียนฝึกหัดครูฉะเชิงเทรา
- ได้ทุนเรียนวิทยาลัยครูบ้านสมเด็จฯ (ปี 2504 เพียง 1 ปี)
- ศึกษาต่อวิทยาลัยการศึกษาบางแสนในระดับปริญญาตรี
- ศึกษาระดับปริญญาโทที่คณะครุศาสตร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
การทํางาน
- 2509-อาจารย์วิทยาลัยครูยะลา
- 2516-อาจารย์วิทยาลัยครูเพชรบุรีวิทยาลงกรณ์
- 2522-เป็นผู้ช่วยศาสตราจารย์คนที่ 17 ของกรมการฝึกหัดครู
- 2525 เป็นรองศาสตราจารย์ (ปฏิบัติหน้าที่หัวหน้าสำนักงานอธิการ)
- 2529-อธิการวิทยาลัยครูสกลนคร
- 2532-อธิการวิทยาลัยครูเพชรบุรี
- 2536-อธิการวิทยาลัยครูบ้านสมเด็จเจ้าพระยา
ประวัติ ยุวดี บุญครอง
วันเกิด 16 เดือนเมษายน พ.ศ. 2501
ปัจจุบัน
สมรสแล้วกับ คุณโฆสิต สุวินิจจิตร ยังไม่มีบุตร-ธิดาการศึกษาจบการศึกษาระดับประถมศึกษาและมัธยมศึกษาจากโรงเรียนนารีวัฒนา จังหวัดสมุทรสงครามศึกษาต่อจนสำเร็จป. กศ. ต้นจากวิทยาลัยครูจอมบึงจังหวัดราชบุรี จากนั้นจึงเข้ามาเรียนต่อและสำเร็จการศึกษาระดับป. กศ. สูงวิชาเอกสังคมศึกษาจากวิทยาลัยครูบ้านสมเด็จเจ้าพระยาในปี พ.ศ. 2523 และสำเร็จการศึกษาสูงสุด ระดับปริญญาตรี จากมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒประสานมิตรในปี พ.ศ. 2525
อาชีพและหน้าที่การงาน
- 2523 อาจารย์ประจำชั้นโรงเรียนอำนวยวิทย์จังหวัดสมุทรปราการ
- 2525 พนักงานโฆษณาของ บริษัท บรรษัทเงินทุน
- 2526 ผู้จัดการฝ่ายขายโฆษณาหนังสือพิมพ์เดลิมิเรอ
- 2527 ผู้จัดการฝ่ายขาย บริษัท มาร์เก็ตติ้งมีเดีย
- 2528 ฝ่ายโฆษณา บริษัท เมเจอร์กรุ๊ปกรรมการผู้จัดการ บริษัท มีเดียออฟมีเดียส์ จำกัด
- 2529 กรรมการผู้จัดการ บริษัท มีเดียออฟมีเดียส์ จำกัด
- 2532 กรรมการ บริษัท ที. เอส. อีแอดเวอร์ไทซิ่ง
ผลงานดีเด่นเกียรติและรางวัลที่ได้รับ
- ปัจจุบันมี บริษัท ในเครือที่จะต้องดูแลและรับผิดชอบอยู่ บริษัท ดังนี้
- บริษัท มีเดียเอ็นเตอร์เทนเม้น
- บริษัท เอ็กเซลมีเดียส์
- บริษัท มีเดียบรอดคาสติ้งดคาสติ้ง
- บริษัท เขาเขียวดิเวลลอปเปอร์
- บริษัท ทราเวิลวิชั่น จำกัด
- ผลงานของ บริษัท ในเครือมีเดียออฟมีเดียส์กรุ๊ปจะผลิตรายการโทรทัศน์หลากหลายรูปแบบรายการอัน ได้แก่
- ช่อง3
- เกมชิงแชมป์
- กรุสมบัติ
- ฮอลลีวู้ดฟิล์ม
- ช่อง5
- แผ่นฟิล์มวันเสาร์
- สุดยอดแผ่นดินจีน
- บ้านเลขที่ 5
- ละครหลังข่าว
- ละครระบำอสูรมาก
- เที่ยงวันกันเอง
- ช่อง9
- มีเดียสเปเชีล
- ภาพยนตร์ไซอิ๋ว
- เกมลุ้นข้ามโลก
- ละครลูกรักลูกชัง
- ภาพยนตร์จีน ขุนศึกตระกูลยายาง
- ช่อง3
ประวัติ คุณไพโรจน์ เปี่ยมพงษ์สานต์
• กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทบ้านฉางกรุ๊ป จำกัด
• วุฒิสมาชิกปี 2535 ถึงปัจจุบัน
ประวัติส่วนตัว
• สมรสกับคุณพิไลวรรณ เชิดธรณินทร์
• มีธิดา 1 คน ชื่อ ด.ญ. ธัญชนกเปี่ยม พงษ์สานต์ (ป. 5 สาธิต มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์)
นักธุรกิจหนุ่มหล่อรูปร่างสูงใหญ่เรียนจบทางด้านวิชาชีพครูวัยเพียง 39 ผู้นี้ คือคุณไพโรจน์ เปี่ยมพงษ์สานต์ กรรมการสามารถประกอบอาชีพธุรกิจได้ประสบความสำเร็จอย่างสูงด้วยผู้จัดการใหญ่ บริษัท บ้านฉางกรุ๊ป จำกัด ซึ่งประกอบธุรกิจ 2516 อสังหาริมทรัพย์และกิจการอื่นอีกหลายอย่าง“ ผมเข้าเรียนบ้านสมเด็จเจ้าพระยาในชั้นป. กศ. ต้นเมื่อปีชีวิตวัยเด็กผมเกิดในหมู่บ้านประมงคุณพ่อมีอาชีพเป็นชาวประมงทำสวนทำไร่และบ้านเกิดอยู่จังหวัดระยองบ้านเลขที่ 45/5 ตำบลพลาอำเภอบ้านฉางจังหวัดระยองจบการศึกษาขั้นต้นที่โรงเรียนบ้านพลาและจบมัธยมศึกษาที่โรงเรียนระยองพิทยาคมเมื่อจบแล้วได้เข้ามาอยู่กรุงเทพฯเมื่อ พ.ศ. 2515 โดยมาอาศัยอยู่ที่วัดบรมนิวาสเพราะระยะนั้นต้องกวดวิชาเพื่อมุ่งที่จะเข้าเรียนวิทยาลัยครูให้ได้พระที่ผมมาอาศัยอยู่ท่านเดี๋ยวนี้ท่านคือท่านเจ้าคุณธรรมดิลกซึ่งปัจจุบันท่านเป็นเจ้าคณะเชียงใหม่ผมได้พบท่านโดยบังเอิญเมื่อคราวที่ผมมีโอกาสไปบูรณะหลักเมืองเชียงใหม่“ ผมมีความตั้งใจจะเข้าเรียนวิทยาลัยครูบ้านสมเด็จเจ้าพระยาเป็นอย่างยิ่งเพราะคิดว่าเมื่อเรียนจบแล้วจะสามารถทำงานช่วยคุณพ่อคุณแม่และน้องๆได้ซึ่งขณะนั้นขัดกับความคิดของคุณพ่อมากเพราะคุณพ่ออยากให้เรียนเตรียมทหารตอนนั้นเคยคิดว่าจะเป็นนักธุรกิจเลยแม้แต่น้อยแรงจูงใจอีกอย่างหนึ่งที่ทำให้อยากเรียนครูโดยเฉพาะที่บ้านสมเด็จเจ้าพระยาคือมีญาติมาเรียนอยู่คือคุณนิวัฒน์นาคทองซึ่งที่พักอยู่หลังวัดชิโนรส แต่ก็ไม่ได้ไปพักด้วยอาศัยหลวงพ่อที่วัดบรมนิวาสสบายใจกว่าปัจจุบันคุณนิวัฒน์นาคทองเป็นอำนวยการโรงเรียนบ้านฉาง“ สมัยที่ผมเรียนที่บ้านสมเด็จฯ ชอบอ่านหนังสือมักชอบเรียนด้วยตัวเองและชอบเรียนวิชาคณิตศาสตร์วิทยาศาสตร์มากกว่าทางด้านภาษาเป็นลูกศิษย์คนโปรดของอาจารย์แสงแสงสิงหศักดิ์ถ้าวันไหนอาจารย์แสงไม่ว่างติดธุระจะบอกว่า“ ไพโรจน์สอนเพื่อน ๆ ให้ด้วย” เดี๋ยวนี้อาจารย์ที่สอนสมัยนั้นอาจารย์อำพันพงศ์ไพฑูรย์สอนศิลปะและอาจารย์ชนิดาได้ 3 ท่านคืออาจารย์แสงแสงสิงหศักดิ์สอนคณิตศาสตร์สุวรรณรัตน์สอนภาษาไทย“
ส่วนความประทับใจเมื่อเรียนที่บ้านสมเด็จฯ นั้นประทับใจ พื่อนมากเพราะมีเพื่อนดีมีความจริงใจต่อกันสูงมากและอยากพบเพื่อน ๆ ที่เรียนรุ่นเดียวกันที่นี่มากอีกอย่างหนึ่งคือการไปฝึกสอนที่โรงเรียนวัดเกาะซึ่งอยู่ใกล้วัดปากน้ำภาษีเจริญสมัยนั้นต้องนั่งเรือไปประทับใจอาจารย์นิเทศชื่อนฤมลแต่ว่านามสกุลไม่ได้เมื่อได้สอนเด็กได้สัมผัสกับประสบการณ์จริงในการฝึกสอนชอบมากและจำได้ว่าเป็นช่วงชีวิตที่มีความสุขที่สุดนอกจากนี้ความประทับใจที่มิอาจลืมเลือนได้ก็คือการที่ได้เป็นนักกีฬาฟุตบอลของวิทยาลัยในตำแหน่งผู้รักษาประตูและเซ็นเตอร์ได้เป็นตัวแทนไปแข่งกับวิทยาลัยต่างจังหวัดหลายแห่งเป็นคนที่ชอบกีฬาเวลาเรียนถ้าเบื่อ ๆ ก็จะออกมานั่งริมสนามฟุตบอลเมื่อผมเรียนจบศ. ต้นที่แล้วได้เป็นตัวแทนของบ้านสมเด็จฯ ไปสอบชิงทุนเข้าเรียนต่อป. กศ. สูง (อุตสาหกรรมศิลป์) ที่วิทยาลัยครูพระนครกับเพื่อนอีก 1 คนในชั้นเดียวกันชื่ออดิศรและสอบได้เข้าเรียนต่อทั้ง 2 คนเรียนจนจบป. กศ. สูงที่นั่นหลังจากแล้วได้ไปรับราชการครูอยู่ที่โรงเรียนระยองวิทยาคมอยู่ระยะหนึ่งโดยสอนช่างยนต์ช่างไฟฟ้าช่างโลหะ ฯลฯ หลังจากนั้นก็เดินทางไปอังกฤษเพื่อจะเรียนต่อ แต่บังเอิญไปพบเพื่อนที่นั่นชวนทำงาน บริษัท โรงงานประกอบรถยนต์ซึ่งมีรายได้ดีมากคิดว่าถ้าเรียนจบแล้วทำงานก็ยังไม่ได้เงินมากเท่านี้จึงทำงานและฝึกหัดงานอยู่ 1 ปีจึงถูกส่งไปทำงานที่ตะวันออกกลางช่วงนั้นเมืองไทยมีวิกฤตเรื่องอู่ตะเภาและมีคนว่างงานมากประกอบกับตะวันออกกลางต้องการคนงานจึงติดต่อคนไปทำงานในตะวันออกกลางถึงหมื่นคนสมัยนั้นมีเพื่อนที่ทำงานด้วยกันคือคุณประจวบไชยสาส์นและได้ทำงานจุดนี้อยู่ 4-5 ปีคุณประมาณอดิเรกสารสมัยนั้นท่านเป็นรองนายกฯ เรียกกลับมาใช้งานจึงกลับมาเมืองไทยดังนั้นจึงถือว่าการติดต่อคนงานไปทำงานก่อสร้างในตะวันออกกลางนั้นเป็นการประกอบธุรกิจครั้งแรกซึ่งถือว่าประสบความสำเร็จมากทีเดียวต่อมาก็ถือว่าประสบความสำเร็จอย่างหนึ่งอีกคือการจัดตั้ง บริษัท ที่ปรึกษาด้านการลงทุนที่เกี่ยวกับการเงินระยะนี้วิถีชีวิตเริ่มเปลี่ยนเข้าไปพัวพันกับธุรกิจมากขึ้นงานแรกเมื่อหันมาด้านนี้คือเสนอการตั้งธนาคารเพื่อการลงทุนสมัยนั้นรัฐบาลไม่มีกฎหมายรับรองจัดตั้ง บริษัท ในประเทศไทยไม่ได้ขณะนั้นเศรษฐกิจแถบนี้มีปัญหาและเรื่องการขาดดุลกับญี่ปุ่นจึงพยายามระดมทุนจากมหาเศรษฐีน้ำมันจากตะวันออกกลางและผมเป็นคนแรกที่ชักชวนชาวตะวันออกกลางเข้ามาลงทุนในประเทศไทย แต่ขณะนั้นตั้ง บริษัท ไม่ได้จึงไปจัดตั้ง บริษัท การงทุนนี้ที่ประเทศมาเลเซียโดยร่วมหุ้นกับเซคชาเล่ย์
ซึ่งเคยเป็นเจ้านายเก่าสมัยทำงานที่ตะวันออกกลางบุคคลผู้นี้เป็นคนฉลาดมากและเป็นคนสำคัญที่สร้างเศรษฐกิจให้ตะวันออกกลางทำงานอยู่กับท่าน 5 ปีได้ประสบการณ์มากมายและได้บินไปทั่วโลกช่วงนี้ถือว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงสำคัญของชีวิตที่ได้มีโอกาสสัมผัสกับการลงทุนทั่วโลกถึง 21 ประเทศและสามารถสร้างงานให้คนไทยเป็นจำนวนมากในปี พ.ศ. 2529 รัฐบาลได้เริ่มนำนโยบายการพัฒนาพื้นที่บริเวณชายฝั่งทะเลตะวันออกคุณไพโรจน์จึงได้เริ่มทำโครงการพัฒนาอำเภอบ้านฉางจังหวัดระยองโดยได้ดำเนินการก่อตั้ง บริษัท บ้านฉางกรุ๊ปเมื่อปี 2530 โดยมีทุนจดทะเบียน 1 ล้านบาทในขณะนั้นโดยมีความตั้งใจว่าจะดำเนินธุรกิจเป็น บริษัท ธุรกิจพัฒนาที่ดินเพื่อพัฒนาชนบทปัจจุบัน บริษัท บ้านฉางกรุ๊ปประสบความสำเร็จเป็นอย่างดีขณะนี้ได้นำ บริษัท เข้าไประดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ทำให้ บริษัท มีความเป็น บริษัท มหาชนอย่างสมบูรณ์โดยมีทุนจดทะเบียนที่เรียกชำระแล้ว 798 ล้านบาทนอกจากนี้คุณไพโรจน์ได้ทำงานอย่างทุ่มเทและต่อเนื่องจนทำให้ธุรกิจเติบโตและเจริญก้าวหน้าไปจนเป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลายในวงการธุรกิจว่าเป็นนักธุรกิจหนุ่มที่มีสายตากว้างไกลและมีจุดยืนที่แน่นอนว่าจะดำเนินการกระจายความเจริญไปยังชนบทเพื่อให้ชนบทเติบโตไม่มาเจริญแออัดกันอยู่ในเมืองหลวง“ การที่ผมประสบความสำเร็จในด้านนี้นั้นมีผลเนื่องมาจากที่ผมได้เรียนวิชาชีพครูความเป็นครูทำให้มีจิตวิทยาในการทำงานมีน้ำใจสุภาพสุขุมสามารถเข้าใจคนและสิ่งสำคัญที่สุดคือมีคุณธรรมปัจจุบันพยายามจะสร้าง Concept ให้นักธุรกิจทั้งหลายหันมาสนใจในการพัฒนาการศึกษาในชนบทในท้องถิ่นคือช่วยกันกระจายการศึกษาให้เข้าถึงท้องถิ่นให้มากจะทำให้คนฉลาดขึ้นและมีคุณธรรมมากขึ้นการพัฒนาประเทศนั้นต้องพัฒนาการศึกษาและการพัฒนาการศึกษาต้องพัฒนาครูเพราะครูเป็นผู้ประสานระหว่างรัฐกับประชาชนดังนั้นทุกวันนี้จึงมีเป้าหมายในการดำเนินธุรกิจว่า“ อยากเห็นนักธุรกิจท้องถิ่นเข้ามามีบทบาททางการศึกษาให้มากเพื่อชาวชนบทจะได้พึ่งตนเองได้ไม่ต้องพึ่งพาอาศัยส่วนกลางถ้านักธุรกิจมีคุณธรรมช่วยกันพัฒนาท้องถิ่นให้เขาช่วยตนเองได้โดยส่วนรวมประเทศชาติของเราจะเจริญก้าวหน้ากว่านี้มาก“ ขณะนี้ผมตั้งงบประมาณในด้านการศึกษาไว้ประมาณ 10 ล้านบาทต่อปีโดยดำเนินการตั้งโรงเรียนนานาชาติเริ่มสอน ตั้งแต่ระดับเด็กเล็กประถมศึกษาซึ่งจะช่วยลดภาระด้านนี้แก่และ NIDA ในระดับปริญญาตรีและปริญญาโทรัฐบาลในด้านการลงทุนทางการศึกษาและได้ติดต่อกับ ABAC คุณไพโรจน์เปี่ยมพงษ์สานต์ได้ให้แนวคิดในการบริหารพยายามสร้างทีมงานให้ได้โดยการถ่ายทอดความรู้ให้กับเขางานบุคคลว่า“ การบริหารที่ดีนั้นต้องให้โอกาสแก่ลูกน้องและเพราะเราจะได้ไม่เหนื่อยผมมักจะชี้แจงให้ลูกน้องเข้าใจเสมอว่า บริษัท บ้านฉางนั้นมีความต้องการจะสร้างความเจริญให้แก่ส่วนภูมิภาคอยากเห็นชนบทเจริญและต้องเข้าใจลูกน้องว่าแต่ละคนชอบงานอะไรครอบครัวเป็นอย่างไรถ้ายังไม่มีห่วงไม่มีครอบครัวสามารถลุยงานหนักในต่างจังหวัดได้ถ้าทำงานได้มากก็ได้เงินพิเศษมากตัวผมเองทำงานหนักเพื่อเป็นตัวอย่างให้เขาเห็นด้วยว่าขนาดเรายังทำงานหนักทำงานวันละ 18 ชั่วโมงมากกว่าคนอื่น 2 เท่าตัวจึงได้รับความร่วมมือจากทีมงานเป็นอย่างดีปรัชญาในการดำเนินชีวิต“ ทำดีต้องได้ดีและเชื่อเรื่องเวรกรรม
สิ่งที่ยึดเป็นกำลังใจในการทำงานคือพระบรมราโชวาทของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระราชทานว่าพัฒนาชนบทต้องอดทนและเสียสละ” และจะพยายามทำให้ดีที่สุดต่อไป
อ้างอิง : หนังสือศรีสมเด็จ 37 หน้า 85-86
ประวัติ คุณบุญชู ตรีทอง
ประวัติส่วนตัว
- เกิดเมื่อ 21 พฤษภาคม 2488 ที่จังหวัดแม่ฮ่องสอน
- สมรสกับ คุณปริศนา ตรีทอง มีบุตรสาว 1 คน
ประวัติการศึกษา
- ประถมศึกษาโรงเรียนบ้านจองคำ จังหวัดแม่ฮ่องสอน
- มัธยมศึกษาโรงเรียนบุญวาทย์วิทยาลัย จังหวัดลำปาง
- ป. กศ. ต้นวิทยาลัยครูบ้านสมเด็จเจ้าพระยา
- ปริญญาตรี กศ.บ. (ฟิสิกส์) มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒประสานมิตร
- ประกาศนียบัตรวิชาวางแผน (WORLD BANK)
- ประกาศนียบัตรโทรคมนาคม (GERMANY)
ประวัติการทำงาน
- 2511-2512 ครูโรงเรียนราษฎร์
- 2512-2527 นายช่างโทรคมนาคมทศท.
- 2527-2535 เจ้าของกิจการ บริษัท สิรินเทคโนโลยี จำกัด (ลาออกเมื่อ 29 กันยายน 2535)
ปัจจุบัน
- สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดลำปาง
- รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง
ประวัติ นายชูชาติ ศรีแสง
วันเกิด 12 มีนาคม 2485
การศึกษา
- ปริญญาตรี นิติศาสตร์จากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
- ระดับปริญญาโท สาขาวิชาเนติบัณฑิตยสภา สำนักอบรมศึกษากฎหมาย
ประวัติการทำงาน
- อดีตผู้พิพากษาศาลฎีกา และรองอธิบดีผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์
ศิษย์เก่ารุ่น/สาขาวิชา : ปกศ.ต้น สาขาวิชาการศึกษา วิทยาลัยครูบ้านสมเด็จเจ้าพระยา
ผลงานที่โดดเด่น :
- รับราชการตำแหน่งครูจัตวา สถานเยาวชนบ้านปากเกร็ด กองการสงเคราะห์เด็กและบุคคลวัยรุ่น กรมประชาสงเคราะห์ กระทรวงมหาดไทย
- รับราชการตุลาการตำแหน่งผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์
- รับราชการตุลาการตำแหน่งผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลฎีกา
- ที่ปรึกษาบริษัท เนติการ อินเตอร์เนชั่นแนล ลอว์ จำกัด
เกียรติคุณ รางวัลที่ได้รับ :
- เครื่องราชอิสริยาภรณ์ มหาปรมาภรณ์ช้างเผือก
- เครื่องราชอิสริยาภรณ์ มหาวชิรมงกุฎ
- เหรียญจักรพรรดิมาลา
- เครื่องราชอิสริยาภรณ์ ทวีติยาภรณ์ช้างเผือก
- เครื่องราชอิสริยาภรณ์ ประถมาภรณ์มงกุฎไทย
- เครื่องราชอิสริยาภรณ์ ประถมาภรณ์ช้างเผือก
- เครื่องราชอิสริยาภรณ์ ทวีติยาภรณ์มงกุฎไทย
ประวัติ นายชัยสิทธิ์ ภูวภิรมย์ขวัญ
วันเกิด 3 ธันวาคม 2485
ศิษย์เก่า
- จบประถมศึกษาจาก อำเภอบางมูลนาก จังหวัดพิจิตร
- จบมัธยมปีที่ 6 จากโรงเรียนพิจิตรวิทยาคม อำเภอเมือง จังหวัดพิจิตร
- จบ ป.กศ. จากวิทยาลัยครูบ้านสมเด็จเจ้าพระยา
- จบ กศ.บ. จากวิทยาลัยวิชาการศึกษาประสานมิตร สาขาวิชาฟิสิกส์และคณิตศาสตร์
- ประกาศนียบัตรสอนวิชาวิทยาศาสตร์แผนใหม่ของ สสวท.
- ประกาศนียบัตรการเมืองการปกครองในระบอบประชาธิปไตยสำหรับนักบริหารระดับสูง
ประวัติการทำงาน
- อาจารย์โรงเรียนมัธยมสาธิตมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ประสานมิตร
- รองผู้อำนวยการฝ่ายปกครอง โรงเรียนมัธยมสาธิตประสานมิตร
- กรรมการสภาคณาจารย์ มศว. ประสานมิตรทุกสมัย จนลาออกจากราชการ
- เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย
- ศิษย์เก่าดีเด่น 100 ปี สถาบันราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยา
- กรรมการสภาผู้ทรงคุณวุฒิ สถาบันราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยา
- ที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรี (นายสมัคร สุนทรเวช)
- เลขานุการผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร
- เลขาธิการพรรคประชากรไทย
- ประธานมูลนิธิชาวพิจิตร
- เลขาธิการสมาคมแห่งสถาบันพระปกเกล้า
- กรรมการสภาประจำสถาบันผู้ทรงคุณวุฒิ สถาบันราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยา
- กรรมการสภาผู้ทรงคุณวิทยาลัยทองสุข
- อุปนายกสมาคมชาวพิจิตร
- ประธานที่ปรึกษาชมรมข่าววิทยุและหนังสือพิมพ์
รางวัล / ผลงาน
- ได้รับการประกาศเป็น HERO OF THE YEAR ในสาขานักการเมืองท้องถิ่นดีเด่น
- พ่อตัวอย่างแห่งชาติ ประจำปี 2545
- ที่ปรึกษาสมาคมนักข่าวบันเทิงแห่งประเทศไทย
ประวัติ ดร.พลสิทธิ์ หนูชูชัย
ศิษย์เก่า ป.กศ สูง พ.ศ. 2505
ปัจจุบัน ผู้ช่วยศาสตราจารย์ภาควิชาภาษาอังกฤษ มหาวิทยาลัยรามคำแหง
ประวัติการทำงาน
- อดีตรองอธิการบดีฝ่ายวิชาการมหาวิทยาลัยรามคำแหง
- กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิของทบวงมหาวิทยาลัย
- ผู้แทนของทบวงในสภามหาวิทยาลัยต่าง ๆ ของเอกชน
- อนุกรรมการประเมินทรัพย์สินของกระทรวงมหาดไทย
การศึกษา
- ปริญญาตรี (กศ.บ.) สาขาวิชาภาษาอังกฤษ จาก มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒประสานมิตร
- ปริญญาโท (M.S.) สาขาวิชา English Education จาก Southern Oregon State College ประเทศสหรัฐอเมริกา
- ปริญญาเอก (Ph.D.) สาขาวิชา Teaching English to Speakers of Other Languages (TESOL) จาก New York University ประเทศสหรัฐอเมริกา
ประวัติ ดร.พนม พงษ์ไพบูลย์
เกิด วันที่ 8 มิถุนายน 2484
การศึกษา
- จบชั้นประถมศึกษาปีที่ ๔ ที่โรงเรียนวัดทุ่งสมอ อำเภอพนมทวน จังหวัดกาญจนบุรี
- ชั้นมัธยมปีที่ ๖ ที่โรงเรียนวิสุทธรังษี จังหวัดกาญจนบุรี
- ชั้น ป.กศ. และ ป.กศ.สูง ที่วิทยาลัยครูบ้านสมเด็จเจ้าพระยา
- กศ.บ.(เกียรตินิยม) ประถมศึกษา และ คณิตศาสตร์ ที่วิทยาลัยวิชาการศึกษา ประสานมิตร
- M.A.(Ed. Adm.& Research) Michigan State University
- Ph.D.(Higher Ed.) Michigan State University
- วิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร
ประวัติการทำงาน
- ๒๕๐๗ - ๒๕๑๗ เป็นครูสอนชั้นประถมศึกษา ที่โรงเรียนวัดอินทาราม กาญจนบุรี
- ๒๕๑๗ - ๒๕๑๙ เป็นนักวิจัยการศึกษา สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาแห่งชาติ
- ๒๕๑๙ - ๒๕๒๔ เป็นผู้อำนวยการกองวิจัยการศึกษา
- ๒๕๒๔ - ๒๕๒๙ เป็นรองเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาแห่งชาติ
- ๒๕๒๙ - ๒๕๓๕ เป็นเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาแห่งชาติ
- ๒๕๓๕ โอนย้ายมาเป็นเลขาธิการคณะกรรมการข้าราชการครู กระทรวงศึกษาธิการ
- ๒๕๓๕ - ๒๕๓๗ เป็นอธิบดีกรมวิชาการ
- ๒๕๓๗ - ๒๕๓๘ เป็นอธิบดีกรมการศาสนา
- ๒๕๓๘ - ๒๕๓๙ เป็นอธิบดีกรมสามัญศึกษา
- ๒๕๓๙ - ๒๕๔๒ เป็นรองปลัดกระทรวงศึกษาธิการ
- ๒๕๔๒ - ๒๕๔๔ เป็นปลัดกระทรวงศึกษาธิการ
เครื่องราชอิสริยาภรณ์ที่ได้รับ มหาวชิรมงกุฏ มหาปรมาภรณ์ช้างเผือก
หน้าที่ความรับผิดชอบในปัจจุบัน
- เป็นข้าราชการบำนาญ กระทรวงศึกษาธิการ
- เป็นผู้เชี่ยวชาญประจำ กกต.
- เป็นประธานกรรมการบริหารชมรมขัาราชการและครูอาวุโสของกระทรวงศึกษาธิการ
- เป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิสภาการศึกษา
- เป็นนายกสภาวิทยาลัยเชียงราย
- เป็นุอปนายกสภามหาวิทยาลัยราชภัฏกาญจนบุรี
- เป็นกรรมการสภามหาวิทยาลัยธนบุรี
- เป็นอนุกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา
- เป็นอนุกรรมการเสริมสร้างทัศนคติค่านิยมในความซื่อสัตย์สุจริต ปปช
- เป็นกรรมการบริหารมูลนิธิราชประชานุเคราะห์
- เป็นรองประธานฝ่ายการศึกษามูลนิธิราชประชานุเคราะห์
- เป็นประธานมูลนิธิสามัญศึกษา
- เป็นประธานมูลนิธิคุณหญิงบุญเลื่อนเครือตราชู
- เป็นเลขาธิการมูลนิธิดร.ก่อ สวัสดิ์พาณิชย์เพื่อส่งเสริมการอ่าน
- เป็นกรรมการมูลนิธิเผยแพร่พระพุทธศาสนาแก่ชนถิ่นกันดาร
เกียรติประวัติที่เคยได้รับ
- ๒๕๐๑ - ๒๕๐๗ เป็นนักเรียนทุนจังหวัดกาญจนบุรี
- ๒๕๑๑ - ๒๕๑๗ เป็นนักเรียนทุนรัฐบาลไทยไปศึกษาระดับปริญญาโทและเอก ณ สหรัฐอเมริกา
- ได้รับรางวัลพ่อดีเด่น
- ได้รับรางวัลผู้ทำคุณประโยชน์ให้แก่พระพุทธศาสนา เสาเสมาทองคำ
- ได้รับรางวัลโล่เกียรติยศข้าราชการผู้ประพฤติตนชอบด้วยความซื่อสัตย์สุจริตจากคณะกรรมการ ปปช.
- ได้รับรางวัลศิษย์เก่าดีเด่นสถาบันราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยา
- ได้รับรางวัลศิษย์เก่าดีเด่น มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ
- ได้รับยกย่องเป็นศิษย์เก่าดีเด่นของ Michigan State University สหรัฐอเมริกา
- ได้รับการยกย่องเป็นคนดีศรีเมืองกาญจน์
- ได้รับยกย่องเป็นนักเรียนทุนรัฐบาลดีเด่น
- ได้รับรางวัลผู้ทำคุณประโยชน์ให้กระทรวงศึกษาธิการ
ผลงานเขียนเป็นหนังสือ
- การศึกษาคือยาหม้อใหญ
- จารึกไว้ในพระศาสนา จารึกไว้ในการศึกษา
- การศึกษา ปัจจัยที่ห้าของชีวิต
บันทึกปลัดกระทรวง
- ก้าวไปข้างหน้า
- เหลียวหลัง แลหน้า ตามอารมณ์
- หนุ่มบ้านทุ่ง คนบ้านทุ่ง
- คิดเป็นการศึกษา
- นิทานส่งเสริมประชาธิปไตยดอทคอม
ถ้ามีคนถามว่าผมจบม.๘ มาจากโรงเรียนไหนผมมักจะตอบทุกคนด้วยความภาคภูมิใจ ว่าผมไม่เคยเรียนม.๗ ม.๘ แต่ผมเป็นนักเรียนฝึกหัดครูจบ ปก.ศ. และ ป.กศ. จากวิทยาลัยครูบ้านสมเด็จเจ้าพระยา ผมเป็นลูกสุริยะ
ผมดีใจจนเนื้อเต้น เมื่อทราบว่าจะได้มาเรียนที่บ้านสมเด็จเจ้าพระยา เพราะนี่คือความหวังอันสูงสุดในชีวิตในสมัยนั้น ด้วยความที่ฐานะทางบ้านขัดสนเอามากๆ ทางเลือกเมื่อผมจบม.๖ มีเพียงทางเดียว คือต้องสอบเข้าเรียนครูให้ได้และต้องให้ได้ทุนด้วย แต่สอบให้ได้ผมไม่ค่อยเป็นห่วงให้ได้ทุนก็คิดว่าพอลุ้น แต่ถ้าจะให้ดีต้องให้ได้ที่ ๑ ด้วย จะได้มาเรียนที่บ้านสมเด็จผมฝันอยากเป็น นักเรียนกรุงเทพฯถ้าได้มาอยู่บ้านสมเด็จเจ้าพระยาแม้จะอยู่ฝั่งธนบุรีก็พอ นับว่าเป็นกรุงเทพฯได้อยู่ผมประสบความสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่ในชีวิต เมื่อผมสอบได้ผมได้ทุน และผมได้มาเรียนที่บ้านสมเด็จ
ชีวิตที่บ้านสมเด็จฯ ช่วยให้ผมโตขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัวผมไม่ได้หมายถึงขนาดของร่างกาย เพราะตั้งแต่มาเรียนที่มีบ้านสมเด็จฯ แล้วผมไม่เคยสูงขึ้นอีกเลย แต่ผมหมายถึง โตขึ้นทางความรู้สึกนึกคิดเรียกว่ามีวุฒิภาวะมากขึ้น มีความกระตือรือร้นมากขึ้น มีความทะเยอทะยานมากขึ้น มีความฝันมากขึ้น และมีความหวังมากขึ้น
ผมเป็นนักเรียน ป.กศ. รุ่นที่ 4 ของกรมการฝึกหัดครูเข้าบ้านสมเด็จฯ เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๐๑ สมัยนั้นนักเรียนทุนจากต่างจังหวัดต้องอยู่หอพัก ทุกคนส่วนใหญ่แต่ละจังหวัดรุ่นที่อยู่หอพักก็สักก็มากัน ๑ คนมีจังหวัดที่มีวิทยาลัยครูมา ๔ คนรวมทั้ง ๑๐๐ คนมีนักเรียนทุนส่วนกลางและต่อมาก็มีนักเรียนรอบบ่ายเพิ่มขึ้นอีกรวมทั้งรุ่นคงราว ๆ ๓๐๐ คนเศษที่สนิทสนมกันมากก็คงเป็นพวกที่อยู่หอพักด้วยกันเพราะเรากินด้วยกันเล่นด้วยกันดูหนังสือด้วยกันและหนีอาจารย์ไปเที่ยวด้วยกันบางทีเราก็ทะเลาะกันบ้างแล้วเราก็ดีกันบางทีเราก็แกล้งกัน แล้วเราก็ให้อภัยกันจากวันนั้นถึงวันนี้เรายังรักกัน ไม่เสื่อมคลายผมหมายถึงความรักฉันท์เพื่อนไม่ใช่ฉันท์คนรักก็ที่อยู่หอพักด้วยกันมี แต่ผู้ชายทั้งนั้นที่เป็นหญิงเขาเรียนรอบบ่ายเกือบจะไม่เคยได้เห็นกันเลย (ยกเว้นตอนที่แอบดูเขา) ด้วยเหตุนี้ละกระมังที่ทำให้ผมไม่มีแม่บ้านเป็นลูกสุริยะด้วยกัน
ผมมีความประทับใจหลาย ๆ อย่างที่บ้านสมเด็จเจ้าพระยาที่นี่ผมได้พบอาจารย์ที่มีชื่อเสียงระดับชาติใคร ๆ ก็อยากเป็นลูกศิษย์ด้วย (สมัยนั้น) เช่น อาจารย์โชค สุคันธานิช อาจารย์ดิน เผือกสกนธ์ อาจารย์ใย ยรรยงอาจารย์สงัด ภูเขาทอ งโดยเฉพาะอาจารย์สงัด และอาจารย์ใย นี่ผมชอบเป็นพิเศษ และใฝ่ฝันอยากเก่งภาษาไทยเหมือนอาจารย์ ผมเลยศึกษาวรรณคดีไทยเป็นการใหญ่ ผมจำได้ว่าภายใน ๒ ปีที่เรียน ป.กศ. ผมอ่านหนังสือวรรณคดีที่มีอยู่ในห้องสมุดของวิทยาลัยได้หมดทุกเล่ม ก็เพราะอยากเป็นเช่นอาจารย์ตรงนี้ผมทำผิดพลาดไปถนัดเพราะผมศึกษาเร็วเกินไปต่อมาก็เลยหมดความสนใจ พอได้ไปเรียนต่อระดับปริญญาที่ประสานมิตรเลยหันไปเลือกเรียนเอกคณิตศาสตร์แทนภาษาไทย เพราะรู้สึกว่าในเรื่องคณิตศาสตร์ที่มีสิ่งที่ผมไม่รู้อีกมากเหลือเกินผมตั้งใจว่าต่อไปจะศึกษาภาษาไทยเป็นงานอดิเรกแทน แล้วก็ยังไม่ได้เริ่มต้นอีกเลยจนทุกวันนี้ผมไปเรียนประสานมิตรได้สัก ๒-๓ เดือนกลับมาเที่ยวบ้านสมเด็จ พบอาจารย์ใยยรรยงท่านถามว่าพนมไปเรียนเอกอะไรผมตอบว่าเอกคณิตศาสตร์ดูท่าทางอาจารย์ผิดหวังผมมากอาจารย์พูดว่า “ครูคิดว่าเธอจะไปเรียนเอกไทยเสียอีก”
ที่บ้านสมเด็จฯ นี้ได้เปลี่ยนแปลงชีวิตผมไปอย่างหนึ่งคือผมเป็นคนบ้านนอกเกิดนอกเมืองกาญจน์ออกไปอีกพูดสำเนียงเหน่อ ๆ ต่อมาผมก็หัดพูดแบบคนเมืองกาญจน์ก็คิดว่าเข้าที่ดีแล้วมาเรียนที่บ้านสมเด็จฯ ก็ไม่เคยถูกล้อเลียนเห็นมี แต่จิระจากสุพรรณและประชุมจากเพชรบุรีที่ถูกล้อเลียนเป็นประจำจนอยู่มาวันหนึ่งในวิชาคณิตศาสตร์อาจารย์กฤษณาสยามเนตรเป็นผู้สอนผมเพิ่งมาอยู่ใหม่ ๆ ได้เดือนเศษยกมือขึ้นถามอาจารย์อาจารย์หัวเราะผมจนตัวงอผมอายหน้าแดงเอ๊ะ! นี่ผมทำอะไรผิดสักครูอาจารย์ก็บอกว่า“ พนมครูไม่ได้ว่าอะไรเธอหรอก แต่หัวเราะเสียงเธอมันเหน่อสิ้นดี” ผมจึงเข้าใจว่าที่พยายามดัดสำเนียงนั้นยังใช้ไม่ได้ต้องพยายามต่อไปให้เหมือนชาวกรุงเทพฯให้ได้ผมคิดว่าผมทำได้สำเร็จไม่มีใครล้อผมหรือหัวเราะผมอีกจนเมื่อสัก ๒-๓ ปีมานี้ไปพบคุณหมอประเวศวะสีเรียนท่านว่า“ คุณหมอครับผมก็เป็นคนเมืองกาญจน์ คุณหมอก็ตอบว่า“ รู้แล้วว่าไม่ต้องบอกหรอกฟังเสียงรู้ว่าคนเมืองกาญจน์” ก็เพิ่งจะรู้ตัวว่ายังเปลี่ยนไม่สำเร็จเท่าไร
บ้านสมเด็จฯ ช่วยสร้างชีวิตผมทั้งชีวิตสิ่งที่เป็นความจริงที่สุดผมมาเรียนด้วยความตั้งใจว่าอยู่ ๒ ปีให้จบ ป.กศ. แล้วจะออกไปเป็นครูเพื่อน ๆ ที่เรียนด้วยกันชวนไปสอบเทียบม. 4 ผมก็ไปสอบด้วยใจผมตอนนั้นคิดว่าจะพอจะลองสอบเพื่อพิสูจน์ว่าความรู้ ป.กศ. บ้านสมเด็จฯ เทียบม. 4 ได้หรือเปล่าสอบแล้วก็พิสูจน์ได้ว่าพอเทียบได้หรือปทุมวันผมไม่ไปเพราะทางบ้านไม่มีเงินพอจะส่งให้เพื่อน ๆ ชวนให้ไปสอบเข้าวิทยาลัยวิชาการศึกษาบางแสนทุกคนเรียนพอเรียนจบ ป.กศ. วิทยาลัยก็ประกาศว่าผมได้คัดเลือกให้เรียนต่อ ป.กศ. สูงผมทำให้ทางบ้านผิดหวังรอให้ผมกลับไปเป็นครูเมื่อได้รับคัดเลือกให้เรียนต่อพร้อมทุนอีกปีละ ๒,๕๐๐ บาทก็จำต้องให้ผมเรียนต่อไปพอจบ ป.กศ. สูงเหตุการณ์ก็ซ้ำรอยเดิมอีกผมได้รับคัดเลือกจากวิทยาลัยส่งไปเรียนต่อที่ประสานมิตรพร้อมทุนปีละ ๒,๕๐๐ บาททางบ้านไม่มีทางเลือกจำต้องให้ผมไปเรียนต่ออีกจนจบปริญญาตรี
ที่จริงตอนจบ ป.กศ. พี่ชายก็จะให้ออกไปสอนอยู่แล้วบอกไม่มีเงินส่งให้เรียนต่อ พอดีมีคนรู้จักได้ยินข่าวก็บอกเสียดายถ้าไม่ให้เรียนถามว่าถ้าจะเรียนต่อ ผมต้องการเงินสักเท่าไรเขาจะให้ยืมเอง พี่ชายผมบอกว่าไม่เอาพี่จะหาเงินให้เองผมก็เลยได้เรียนต่อเพราะทุนจากบ้านสมเด็จฯ และความรักกศักดิ์ศรีของพี่ชายด้วยประการฉะนี้
ชีวิตผมลืมอะไรไปหลายอย่าง แต่ที่ไม่เคยลืมเลยคือบ้านสมเด็จเจ้าพระยาจะสุขจะทุกข์สนุกเศร้าอย่างไรก็ไม่เคยลืมเพื่อนผมก็ไม่เคยลืมทุกปี ป.กศ. บ้านสมเด็จรุ่น ๔ ยังนัดพบใหญ่กันได้เป็นประจำครั้งละเกือบ 4 คนเราพบกันพูดถึงความหลังครั้งเก่าพูดถึงอาจารย์เก่าสถานที่เก่า ๆ อย่างมีความสุขถ้ามีคนถามว่าถ้าผมได้พรจากนางฟ้าผมอยากจะได้อะไรเป็นอันดับแรก ผมคงตอบว่าผมจะขอไปเป็นนักเรียนอย่างเก่าที่บ้านสมเด็จเจ้าพระยา แต่ต้องเอาเพื่อนเก่า ๆ ไปด้วยนะขึ้นให้ผมกลับไปเรียนกับศิษย์ปัจจุบันคงตามจีบเขาไม่ทันแน่
ผมเรียนหนังสือที่โรงเรียนสาธิตบ้านสมเด็จฯ ตั้งแต่ชั้นประถม ๑ ถึงมัธยม 6 (พ.ศ. ๒๔๙๖-๒๕๐๕) ๑๐ ปีเต็ม ๆ ตอนนั้นผมยังเด็กมากเลยไม่ทราบเหตุผลว่าทำไมคุณพ่อคุณแม่จึงต้องการให้ผมข้ามมาเรียนที่ฝั่งธนทั้งๆที่บ้านอยู่แถว ๆ เสาชิงช้าจำได้ว่าขึ้นรถเมล์สาย ๑๙ มาโรงเรียนทุกวันสมัยที่เป็นนักเรียนผมรู้สึกว่าโรงเรียนของเราเป็นโรงเรียนที่มีชื่อเสียงยิ่งใหญ่ไม่แพ้ใครทั้งในด้านการเรียนและการกีฬาอาจารย์ที่สอนมีความสนิทสนมกับนักเรียนมากเอาใจใส่นักเรียนเป็นอย่างดีซึ่งอาจเป็นเพราะมีนักเรียนน้อยคือชั้นละ ๑ ห้องเรียนอาจารย์จึงดูแลได้ทั่วถึงตอนนั้นอาจารย์ระเบียบยมจินดาเป็นครูประจำชั้นอาจารย์มโน กฤษณจินดา เป็นอาจารย์ใหญ่นอกจากนั้นมีอาจารย์บุตรวุฒิมานพเป็นอาจารย์พละที่เข้มแข็งอาจารย์สังวาลย์คคละนันท์ก็เคยเป็นครูประจำชั้นพวกเรามักเรียกกันติดปากว่าคุณย่าสังวาลย์อาจารย์อำไพ (วิทยวิโรจน์) อาจารย์บุญส่งก็เคยสอนทั้งนั้นผมจำได้ดีเพราะเรียนที่นี่มาตลอดและอาจารย์ก็สอนตามไปหลายชั้นเมื่อผมกลับมาบ้านสมเด็จฯ ก็ไม่เห็นสภาพดั้งเดิมเสียแล้วตอนที่เรียนเป็นอาคารไม้แถวยาว ๆ มีตึกวิเศษศุภวัตรอยู่หลังศาลเจ้าพ่อเมื่อหน้าน้ำท่วมพวกเด็ก ๆ จะถอดรองเท้าลุยน้ำกันสนุกในส่วนที่เป็นวิทยาลัยครูปัจจุบันมีตึก ๓ ชั้นและอาคารไม้ยาว ๆ เช่นกันพวกนักเรียน & ฝึกหัดครูมักจะไม่ค่อยมายุ่งกับนักเรียนสาธิตคงจะเป็นเพราะคนละวัยก็ได้เพราะฉะนั้นเราเลยไม่ค่อยรู้จักกันอย่างไรก็ดีเมื่อจบมัธยม 5 แล้วผมก็เรียนฝึกหัดครูต่ออีก ๑ ปีเช่นกันผมไม่ใช่เด็กซนหรือโลดโผนนับว่าค่อนข้างเรียบร้อย แต่ความซนของเด็กสมัยนั้น ก็ไม่ก่อความเดือดร้อนให้กับผู้อื่นไม่ผาดแผลงมาก ผมไม่ใช่คนเรียนหนังสือเก่ง แต่ชอบอ่านหนังสือมาตั้งแต่เด็กอ่านทุกชนิดทั้งนวนิยายสารคดีประวัติศาสตร์ปรัชญา ฯลฯ อ่านแล้วก็จำได้นานชีวิตในโรงเรียนสาธิตวิทยาลัยครูบ้านสมเด็จเจ้าพระยา มีส่วนช่วยในการนําเนินชีวิตปัจจุบันพอควรคือได้นำคำสั่งสอนของคุณครูที่ไม่เพียง แต่สอนในด้านวิชาการเท่านั้นยังสอน จริยธรรมและคุณธรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งได้ปลูกฝังความมีวินัยไว้เต็มเปี่ยม
เพื่อนๆ นักเรียนต่างก็เป็นเพื่อนที่ดีรักใคร่ปรองดองกันเหมือนพี่น้องคอยช่วยเหลือเกื้อกูลกันเสมอมาพวกเรามีกันอยู่ ๓๕ คนไม่มีผู้หญิงมาเรียนด้วยอาจารย์ระเบียบเป็นอาจารย์ประจำชั้นหลายปีอาจารย์สมศรี (เรืองเดช) อาจารย์อรรถศรีก็เคยเป็นครูประจำชั้นด้วยนอกจากเรียนในห้องเรียนแล้วอาจารย์บุญภักดิ์ ขวัญเจริญ ยังได้นำการสอนวิธีใหม่คือให้หัวเรื่องมค้นคว้ากันเองทำให้พวกเราได้ทำงานร่วมกันเพิ่มความสนิทสนมต่อกันยิ่งขึ้นบรรยากาศในห้องเรียนดีมากครูให้เวลากับนักเรียนมากเช่นกันตอนที่เข้าเรียนใหม่ ๆ ผมก็ร้องไห้ตามแม่เหมือนเด็กอื่นๆ จำได้ว่า ครูบุตร วุฒิมานพ เป็นคนจับผมไว้ไม่ให้วิ่งตามแม่ แม้ว่าเวลาจะล่วงเลยมานานแล้วผมก็ยังจำภาพเก่าๆ ได้ดี เช่น มีการหล่อเทียนพรรษาที่ศาลเจ้าพ่อ บางทีก็มีการชกมวยแก้บนให้เจ้าพ่อหลังสอบ แล้วผมยังคงภาคภูมิใจมากที่ได้เรียนที่บ้านสมเด็จฯ ไม่ใช่เพียงพวกเรา แต่คนในละแวกนี้เขารู้จักเราดีทั้งนั้นพวก บ.ส. , ม่วงขาว, ชาวสุริยะ ใครๆ ก็รู้จักใครๆ ก็ต้อนรับเราดีไม่เคยมีใครมาตั้งแง่กับเราเลย
ในปัจจุบันนี้มีนักเรียนเพิ่มขึ้นมากจึงทำให้ครูกับนักเรียนไม่ค่อยจะมีความผูกพันเหมือน แต่ก่อนชีวิตความเป็นอยู่ก็ไม่สะดวกสบายผู้ปกครองหรือพ่อแม่ไม่มีเวลาได้ดูแลลูกอย่างใกล้ชิดตอนผมเป็นเด็กคุณพ่อเป็นทหารคุณแม่ไม่ได้ทำงานจึงมีเวลาดูแลให้ผมทำการบ้านสอบถามและทบทวนวิชาให้ผมตัวเล็กนิดเดียวเลยไม่ได้เล่นกีฬาเวลาเข้าแถวยังต้องอยู่ปลายแถว แต่เวลาไปเชียร์ก็ไปเชียร์กับเขาทุกครั้งเพราะสนุกมากโรงเรียนของเราเก่งกีฬาโดยเฉพาะฟุตบอลครูที่ว่าสนิทสนมและรู้จักนักเรียนนั้นเมื่อเวลาก็เอาเรื่องเหมือนกันถ้าไม่ส่งการบ้านหรือทำความผิดอะไรก็จะต้องถูกตีด้วยกิ่งสนสังเกตได้ว่าต้นสนบริเวณโรงเรียนกิ่งจะหักเป็นแถบๆ
เมื่อจบมัธยม ๖ จากโรงเรียนสาธิตฯ ก็ไปเรียนต่อที่ฝึกหัดครู ๑ ปีจึงออกไปเรียนที่โรงเรียนพาณิชยการราชเทวี (เป็นโรงเรียนเอกชนซึ่งได้เลิกกิจการไปแล้ว) ต่อมาก็เข้ารามคำแหงในคณะนิติศาสตร์ขณะนั้นเรียนด้วยทำงานไปด้วย ผมเริ่มเข้าทำงานที่กระทรวงต่างประเทศด้วยวุฒิมัธยม ๘ ในตำแหน่งเสมียนเมื่อปี ๒๕๑๘ ต้องไปทำงานที่ประเทศลาวเพราะที่นั่นกำลังมีปัญหาเรื่องชายแดนอยู่ลาวมา ๔ ปีแล้วไปประจำอยู่เยอรมันอีก ๒ ปีจึงกลับมาประจำกระทรวงอีก ๒ ปีต่อมาได้ทุนไปเรียนภาษาที่ประเทศออสเตรเลียอีก ๔ เดือนวนเวียนอยู่ระหว่างประเทศไทยกับต่างประเทศตามหน้าที่ตามปกติทำงานที่กระทรวงต่างประเทศนั้นจะอยู่ประจำกระทรวง ๔ ปีไปต่างประเทศ ๔ ปีขณะนี้ผมทำงานอยู่ในกองเอเชียตะวันออกคือรับผิดชอบเกี่ยวกับจีนมองโกเลียไต้หวันฮ่องกงมาเก๊าส่วนหนึ่งเรื่องของญี่ปุ่นกับเกาหลีอีกส่วนหนึ่งสำหรับผมทำเรื่องจีนฮ่องกงรวมทั้งไทเปด้วยเป็นการติดต่อกับส่วนการต่างประเทศของเขาคือต้องศึกษาถึงการจัดองค์กรต่างประเทศของประเทศเหล่านี้
ผมมีครอบครัวแล้วภรรยาก็เขียนหนังสือเช่นกันใช้โรงเรียนของเราเป็นโรงเรียนที่มีชื่อเสียงมานานแล้วควรนามปากกา“ นิลุบล” เขียนสารคดีลงในนิตยสารผู้หญิงมีความภูมิใจที่ได้เข้ามาเรียนในโรงเรียน ซึ่งมีประวัติอันยาวเช่นขวัญเรือนกุลสตรี ฯลฯ ลูกชายคนโตขณะนี้เรียนอยู่ที่นานและมีศิษย์เก่าหลายคนที่มีชื่อเสียงมีความสามารถประเทศนิวซีแลนด์ ตั้งใจว่าจะให้เรียนทางเศรษฐศาสตร์เมื่อจบการศึกษาแล้วจ ะกลับมาทำงานเมืองไทยแน่นอนลูกคนนี้มีแนวโน้มว่าชอบเขียนหนังสือเช่นกันเพราะเป็นเด็กมีจินตนาการชอบคิดฝันอายุ ๑๖ ปีไปเรียนต่อที่นิวซีแลนด์ เพราะเสียดายความรู้ภาษาอังกฤษ ซึ่งลูกใช้ได้ดีมากเมื่อกลับจากตุรกี (ไปเรียนโรงเรียนนานาชาติเมื่อผมไปทำงานที่นั่น) ที่เลือกประเทศนิวซีแลนด์ เพราะคิดว่าเป็นประเทศที่มีสิ่งแวดล้อมสิ่งที่จะชักนำให้เด็กเสียมีน้อยและลูกคนนี้ไว้วางใจได้ในเรื่องการดูแลตัวเองส่วนลูกชายที่โรงเรียนคนเล็กอายุ ๑๔ ปีขณะนี้เรียนชั้นมัธยมอัสสัมชันธนบุรีซึ่งอยู่ใกล้ๆบ้าน บ้านอยู่ซอยเศรษฐกิจบางแค) ยังไม่ค่อยทราบทิศทางของลูกคนเล็กเพราะยังเล่นสนุกอยู่ถ้าใครไปที่บ้านก็จะพบว่าบ้านเต็มไปด้วยหนังสือเพราะสมาชิกทุกคนในบ้านชอบซื้อหนังสือเข้าบ้านมีความสุขอยู่กับการอ่านงานหนังสือที่มีส่วนช่วยเพิ่มพูนรายได้บ้างพอสมควรเมื่อหนังสือแต่ละเรื่องได้รับการพิมพ์หรือชื่อเรื่องไปทำละครก็จะได้รายได้เป็นระยะๆไป
ในด้านการเขียนหนังสือนั้นเขียนมานานแล้วผลงานมีไม่มากนักคือเรื่องยาว ๑๒ เรื่องเรื่องสั้นประมาณ ๒๐๐ เรื่อง เรื่องยาวแต่ละเรื่องต้องใช้เวลาเขียนปีครึ่งถึง ๒ ปี เพราะเมื่อวางพล็อตเรื่องและตัวละครแล้วต้องค้นคว้าหาข้อมูลต่าง ๆ เพื่อมาดำเนินเรื่องซึ่งต้องอาศัยการอ่านหนังสือเพิ่มเติมนั่นเองเวลาเขียนมักจะใช้เวลาเช้า ๆ ก่อนออกไปทำงานแต่ละวันเขียนได้ไม่มาก แต่เขียนไปได้เรื่อย ๆ ชีวิตการทำงานในกระทรวงต่างประเทศทำให้ได้เดินทางไปต่างประเทศเป็นครั้งคราว แต่สิ่งที่ไม่ได้ช่วยในด้านงานเขียนนักข้อมูลหรือเรื่องราวต่างๆอาจซึมซับไว้บ้าง แต่ไม่ใช่ความตั้งใจที่จะนำมาเขียนคงเป็นแค่ผลพลอยได้ข้อมูลที่ช่วยในการเขียนได้มาจากการอ่านหนังสือเป็นหลักอย่างเรื่องต้องกันเรื่องอาหรับศาสนาอิสลามตลอดจนประวัติศาสตร์ภูมิศาสตร์ด้วยจริง ๆ แล้วก็ยังไม่เคยไปประเทศแถบนั้นเลยเมื่อเขียนเรื่องลอดลายมังกรที่เขียนก่อนได้ไปประเทศจีนเสียอีกเวลาจะเขียนเกี่ยวกับเรื่องอะไร ๆ ก็ตามจะต้องศึกษาข้อมูลก่อนแล้วจึงสร้างตัวละครผมสนใจธรรมชาติและมีความคิดว่าคนควรมีชีวิตให้สอดคล้องกับธรรมชาติเข้าใจธรรมชาติของคนอื่นของสิ่งแวดล้อมอยากให้ทุกคนมีความใฝ่ดี
ในฐานะพี่อยากจะให้ข้อคิดบางประการกับน้องๆ คือ โรงเรียนของเราเป็นโรงเรียนที่มีชื่อเสียงมานานแล้วควรมีความภูมิใจที่ได้เข้ามาเรียนในโรงเรียนซึ่งมีประวัติอันยาวนานและมีศิษย์เก่าหลายคนที่มีชื่อเสียงมีความสามารถมีผลงานต่อประเทศชาติโชคดีกว่าคนทั่วไปเมื่อมีโอกาสก็ควรรักษาโอกาสนั้นไว้ให้ดีและสืบทอดความดีของรุ่นพี่ที่ผ่านมารุ่นน้องก็เป็นความหวังของรุ่นพี่รุ่นพี่ของบ้านสมเด็จฯ ก็มี แต่จะแก่ไปหมดไปมี แต่รุ่นน้องที่จะอยู่ต่อไปพี่ก็หวังว่าจะมีคนที่จะมาสืบทอดรักษาชื่อเสียงของบ้านสมเด็จฯ ให้ดำรงคงอยู่ชั่วกาลนาน