นายชวลิต เศรษฐเมธีกุล

ประวัติ  นายชวลิต เศรษฐเมธีกุล

เกิด ไม่ทราบข้อมูล (ถึงแก่อสัญกรรม)

ศิษย์เก่า 

  • ๒๕๐๖ โรงเรียนอำนวยศิลป์ 
  • ๒๕๐๘ วิทยาลัยครูบ้านสมเด็จเจ้าพระยา
  • ๒๕๑๒ นิติศาสตรบัณฑิต (เกียรตินิยมดี) มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ 
  • ๒๕๑๓ เนติบัณฑิตไทยสำนักอบรมศึกษากฎหมายแห่งเนติบัณฑิตยสภา
  • ๒๕๔๑ ปริญญาบัตรวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร 
  • ๒๕๕๔ รัฐศาสตรมหาบัณฑิต (บริหารรัฐกิจมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

ประวัติการอบรม / ดูงาน / สัมมนา 

  • ๒๕๒๒ โครงการศึกษาเพื่อความมั่นคงของชาติรุ่นที่ ๒ กระทรวงการคลัง  
  • ๒๕๒๒ การบริหารสำหรับผู้บังคับบัญชารุ่นที่ ๒ สำนักงาน ก.พ.
  • ๒๕๓๒ หลักสูตรภาษีมูลค่าเพิ่มกรมศุลกากร
  • ๒๕๓๒ ระบบราคา GATT กรมศุลกากร 
  • ๒๕๓๕ Working Visit ณ สำนักงานใหญ่ ประชาคมยุโรป และ ประเทศสมาชิกประชาคมยุโรป
  • ๒๕๓๖ นักบริหารระดับสูงหลักสูตรที่ ๑ รุ่นที่ ๑๒ สำนักงาน ก.พ. 
  • ๒๕๓๗ ดูงานศุลกากรด้าน TRADE FREEZONE ณ ประเทศดูไบ
  • ๒๕๓๗ ดูงานด้านศุลกากร ณ ประเทศญี่ปุ่น 
  • ๒๕๓๙ ประชุมอธิบดีศุลกากรกลุ่มประเทศเอเชีย-ยุโรป ณ สาธารณรัฐประชาชนจีน
  • ๒๕๓๙ หารือข้อราชการเกี่ยวกับการศุลกากร ณ สาธารณรัฐประชาชนจีน-๒๕๓๙ คอมพิวเตอร์สำหรับ
  • ๒๕๔๒ ผู้บริหารกรมศุลกากรผู้บริหารเทคโนโลยีสารสนเทศระดับสูง (CIO) รุ่นที่ ๒ สำนักงาน ก.พ.

ตำแหน่งในอดีต 

  •  ๒๕๒๗ ผู้อำนวยการกองตรวจสินค้าขาเข้ากรมศุลกากร 
  • ๒๕๒๙ ผู้อำนวยการกองตรวจสินค้าขาออกกรมศุลกากร 
  • ๒๕๓๐ ผู้อำนวยการกองเก็บอากรกรมศุลกากร 
  • ๒๕๓๓ สารวัตรศุลกากร ๘ การบริหารราชการส่วนกลาง 
  • ๒๕๓๔ หัวหน้าหน่วยตรวจสอบสิทธิประโยชน์ทางศุลกากรกรมศุลกากร 
  • ๒๕๓๕ ผู้อำนวยการกองป้องกันและปราบปรามกรมศุลกากร 
  • ๒๕๓๘ ผู้อำนวยการสำนักสืบสวนและปราบปรามกรมศุลกากร  
  • ๒๕๔๐ ผู้อำนวยการสำนักตรวจสอบป้องกันและปราบปรามกรมสรรพสามิต 
  • ๒๕๔๑ รองอธิบดีกรมสรรพสามิต 
  • ๒๕๔๓ ผู้ตรวจราชการกระทรวงการคลัง 
  • ๒๕๔๕ รองปลัดกระทรวงการคลัง 

ประวัติและผลงาน

คุณชวลิต เศรษฐเมธีกุล เป็นคนจังหวัดระยอง ครอบครัวมีฐานะลำบากยากจน แต่เรียนดีจึงรับทุนเรียนที่วิทยาลัยครูบ้านสมเด็จเจ้าพระยา ในระดับปกศ.ต้น สิ่งที่คุณชวลิต รำลึกถึงมากที่สุดระหว่างที่เรียนในวิทยาลัยครูบ้านสมเด็จเจ้าพระยาคือ“ ห้องสมุด (ขณะนั้นห้องสมุดเดิมเป็นอาคารไม้ ๒ ชั้นตั้งอยู่บริเวณอาคารเฉลิมพระเกียรติหรืออาคารในปัจจุบันผู้สัมภาษณ์) เนื่องจากไม่มีสตางค์ที่จะซื้ออาหารกลางวันในมื้อเที่ยงจึงรับประทานน้ำก๊อกแทนอาหารและเพื่อไม่ให้ว่างจึงเข้าห้องสมุดอ่านหนังสือทั้งอ่านและยืมหนังสือมากเรียกว่าเกือบทุกเล่มที่มีในห้องสมุดบัตรยืมหนังสือเปลี่ยนบ่อยมากและเป็นคนส่งหนังสือตรงเวลา ความที่เป็นคนรักการอ่านจึงได้อ่านตำราของ พระยาอุปกิตศิลปะสารเกี่ยวกับตำราไวยากรณ์หรือวรรณคดีไทยทั้งหมด จนสามารถสอบผ่านวิชาวรรณคดีไทยที่ ถือว่ายากและน่าเบื่อที่สุดในสมัยนั้นมาได้ด้วยเกรด ๔ ทำให้ได้คะแนนเฉลี่ยดีขึ้นมากจบการศึกษาระดับ ป.กศ.ต้น ได้เป็นลำดับที่ ๓ ด้วยเกรดเฉลี่ย ๓.๗๕ และได้รับสิทธิ์ในการเรียนต่อ ป.กศ.สูง โดยอัตโนมัติไม่ต้องสอบคัดเลือกในส่วนของงานกิจกรรม จะไม่ค่อยได้ร่วมเนื่องจากมุ่งมั่นในการอ่านหนังสือตำรามากกว่า 

จุดมุ่งหมายในชีวิตคือการศึกษาต่อที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ช่วงที่ฝึกสอนได้ไปฝึกที่โรงเรียนวัดแถว ๆ บุคคโลกลางวันฝึกสอนกลางคืนดูหนังสือตั้งแต่ ๑ ทุ่มถึงเที่ยงคืนทุกวันหนังหรือละครไม่เคยดูเลยเพราะตั้งใจเตรียมตัวสอบเอ็นทรานส์ เข้ามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์การเรียนวิทยาลัยครูจะมีจุดด้อยกว่าผู้ที่เรียนสายศิลป์หรือสายวิทยาศาสตร์มาวิชาที่ไม่สันทัดนัก คือวิชาคณิตศาสตร์ สำหรับคนที่มีฐานะอาจจะไปเรียนเสริมพิเศษในโรงเรียนกวดวิชาต่างๆ แต่สำหรับตัวเองแล้วไม่สามารถทำเช่นนั้นได้ จึงขอให้เพื่อนเป็นครูช่วยติววิชาคณิตศาสตร์ให้ซึ่งเพื่อนก็ยินดีผลปรากฏว่าสามารถสอบเข้าได้ แต่เพื่อนสอบเข้าไม่ได้เพราะเพื่อนมีความถนัดวิชาคณิตศาสตร์วิชาเดียว แต่วิชาอื่นไม่ถนัดส่วนวิชาภาษาอังกฤษนั้น มีความสนใจใฝ่เรียนรู้ด้วยตนเองโดยไม่เคยไปศึกษาในต่างประเทศหรือศูนย์ภาษาใด ๆ แต่อาศัยความกล้าและความ“ ไม่กลัวโง่” กล่าวคือการไม่อายหรือไม่กลัวเสียเกียรติภูมิที่จะถามผู้รู้เป็นคนช่างสังเกต ช่างจดจำ จนสามารถใช้ภาษาอังกฤษได้ในระดับดี 

หลังจากสอบเอ็นทรานส์เข้ามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์แล้ว ได้กลับบ้านเกิดที่ระยอง และบอกเพื่อนให้แจ้งผลการสอบให้ทราบทางโทรเลข เพื่อนไปดูผลการสอบแล้วไม่พบเนื่องจากชื่ออยู่ด้านล่าง ซึ่งขอบกระดานปิดทับอยู่หากไม่สังเกตจะมองไม่เห็นคิดว่าคงสอบไม่ได้ แต่ก็ไม่เป็นไรเพราะถึงอย่างไรก็สามารถกลับไปเรียนต่อที่วิทยาลัยครูบ้านสมเด็จเจ้าพระยาในระดับป. กศ. สูงได้ แต่คงเป็นเพราะดวงดีมีเพื่อนที่จะสอบเข้ามหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒประสานมิตร ชวนให้เข้ากรุงเทพฯด้วยเพราะเพื่อนไม่เคยมากรุงเทพฯ จึงทราบจากเพื่อนที่สอบเข้ามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ด้วยกัน แต่สอบไม่ได้ไปดูผลสอบให้ในเวลากลางคืนใช้ไฟฉายส่องดูอย่างละเอียด จึงพบชื่อคุณชวลิตอยู่ขอบล่างของกระดาน ทราบผลสอบเป็นวันที่ต้องไปสอบสัมภาษณ์มิฉะนั้นจะถือว่าสละสิทธิ์ เสื้อผ้าไม่ได้เตรียมมา จึงยืมเสื้อเชิ้ตของเพื่อนเพื่อเข้าสอบสัมภาษณ์ในเวลาวันนาฬิกาที่คณะนิติศาสตร์ และก็สามารถสอบผ่านเข้าไปเรียนที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ได้ตามความมุ่งหวัง ซึ่งถือว่าเป็นจุดหักเหในชีวิตอย่างมากว่าหากไม่บังเอิญเพื่อนชวนเข้ากรุงเทพฯ วิถีชีวิตก็คงดำเนินไปอีกรูปแบบหนึ่ง ภายหลังทราบว่ามีเพื่อนจากวิทยาลัยครูบ้านสมเด็จเจ้าพระยารุ่นเดียวกัน มาสอบเข้ามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ได้รวมทั้งหมด ๔ คน 

เรียนจบมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ด้วยเกียรตินิยมเหรียญเงิน เหตุที่ไม่ได้เหรียญทอง เนื่องจากสอบตกวิชา “หนี้” ของอาจารย์กำธร พันธุลาภ ซึ่งถือว่าเป็นวิชาที่ยากที่สุด ทั้งมหาวิทยาลัยสอบเพียง ๓ ออกเป็นสามชั้นจรดปากกาไม่ลงพอปี ต่อมาลงเรียนวิชานี้อีกครั้งหนึ่งและก็สามารถ ๑๗ คนเท่านั้นข้อสอบมี ๓ ข้อข้อ ๑ และข้อ ๒ ทำได้ แต่ข้อซึ่งแบ่งเป็นสอบผ่านไปได้ด้วยคะแนน ๖๕ แต้มหลังจากจบนิติศาสตร์แล้วได้ไปสอบเรียนเนติบัณฑิตต่ออีก 5 ปีจบแล้วมีการสอบ ๒ ภาคสมัยนั้นต้องสอบผ่านทั้ง ๒ ภาคจึงจะมีสิทธิ์สอบปากเปล่าได้ แต่ปัจจุบันสามารถสอบทีละภาค ได้กรรมการสอบเป็นคุณหลวงคุณพระทั้งสิ้น คำถามจะถามเกี่ยวกับความแม่นยำของข้อกฎหมาย และ คำถามเกี่ยวกับการประยุกต์ใช้ข้อกฎหมายต่างๆสอบในห้องประชุม มีการกันผู้เข้าสอบไม่ให้พบหน้ากัน เพื่อไม่ให้ข้อสอบรั่วไหลท่านเป็นเนติบัณฑิตรุ่นที่ ๒๓ แต่ละรุ่นมีผู้สอบเป็นจำนวนพันคน แต่สอบได้รุ่นละ ๒๓-๒๔ คนเท่านั้นสมัยก่อนนั้นในหลวงและพระราชินี จะเป็นผู้พระราชทานประกาศนียบัตรเนติบัณฑิตยสภาเพราะจำนวนบัณฑิตยังไม่มากนักพิธี จัดขึ้นที่ห้องนภาลัยโรงแรมดุสิตธานีโดยมีการร่วมโต๊ะเสวย ก่อนความที่เป็นเด็กบ้านนอกยังไม่คุ้นกับการรับประทานอาหารในโรงแรม จึงถามเพื่อนข้างๆว่าทานอย่างไร เพราะซ้อนส้อมมีดวางเรียงรายมากมายเพื่อนบอกว่าให้สังเกตพระราชินีท่านเสวยอย่างไร เราก็ทำตามการรับประทานอาหารจึงผ่านมาได้ด้วยดีหลังจากนั้นในหลวง และพระราชินีทรงฉายพระรูปร่วมกับบัณฑิต และมีพิธีมอบประกาศนียบัตรเป็นลำดับสุดท้ายเริ่มงานที่กรมศุลกากรด้วยความบังเอิญไม่เคยรู้จัก หน่วยงานนี้มาก่อนเพื่อนเป็นตำรวจชวนมาสอบตอนนั้นสอบไว้ ๓ แห่งคือที่กรมบังคับคดีกรมคุมประพฤติและศาลคดีเด็กและเยาวชน แต่กรมศุลกากรเรียกตัวก่อนเหตุที่สอบเข้าได้เพราะ“ ดูหนังสือหนักฎีกาต่างๆแม่นมากไม่ว่าจะเป็นกฎหมายแพ่ง หรือกฎหมายอาญางานแรกอยู่กองสืบราชการลับได้เรียนรู้ทุกอย่างจากจุดนั้น และไต่เต้าจากตำแหน่งต่างๆเติบโตเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน แต่ชีวิตการทำงานก็ไม่ได้ราบรื่นเหมือนโรยด้วยกลีบกุหลาบประสบวิบากกรรมในชีวิตมาก็มากโดนฟ้องร้อง ให้ออกจากราชการก็เคยเรียกว่าประสบการณ์“ โชคเลือด” เลยทีเดียวกรมศุลกากรกว่าจะขึ้นมาได้แต่ละซีนั้นลำบากมาก แต่ในที่สุดก็ฝ่าฟันมาได้จนถึงปัจจุบันการทำงานที่กรมศุลกากรให้ทุกอย่างในชีวิตทั้งทรัพย์สินเงินทองที่เป็นรางวัลจากการมุมานะบากบั่น ในการทำงานตลอดจนเกียรติยศชื่อเสียง จากชีวิตเด็กชนบทยากจนคนหนึ่งสามารถสร้างตัวจนเจริญก้าวหน้าได้ จนถึงปัจจุบันมิใช่เพราะโชคช่วย แต่เกิดจากความวิริยะอุตสาหะโดยเฉพาะในด้าน“ การอ่านและรู้แหล่งการเรียนรู้ที่ตนควร“ โคจร” ไปเพื่ออนาคตอันสดใสนั่นคือ“ ห้องสมุด” ซึ่งท่านเน้นในระหว่างการสนทนาอยู่เสมอว่า“ ผมได้ใช้ประโยชน์จากห้องสมุดอย่างมากจริงๆ” นี่คือบทสรุปสุดท้ายของอดีต“ ลูกสุริยะ” คนหนึ่งที่สามารถ“ ตามฝัน” ด้วยความสามารถของตนได้อย่างสมภาคภูมิ